ดูแบบคำตอบเดียว
  #4  
เก่า 06-02-2025, 00:07
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

กระผม/อาตมภาพจดจำสิ่งที่ท่านทั้งหลายพยายามตอกย้ำว่า ให้ทุกคนมีวิชชาจะระณะสัมปันโน ก็คือต้องมีความรู้คู่คุณธรรม หรือว่า ความรู้ดี - ความประพฤติดี โดยเฉพาะพระเดชพระคุณหลวงพ่อเจ้าคุณชัยวัฒน์นั้น ท่านยืนบรรยายอยู่เกือบชั่วโมง ทั้ง ๆ ที่อายุ ๘๐ กว่าปีแล้ว จนกระทั่งกระผม/อาตมภาพต้องไปประคองท่านกลับที่นั่ง เนื่องเพราะว่าผู้ชราเมื่อยืนนาน ๆ แล้วขาจะแข็ง ถ้าไม่มีคนรู้ใจไปให้เกาะ อาจจะล้มตอนหมุนตัวก็ได้..!

หลวงพ่อเจ้าคุณชัยวัฒน์ท่านบรรยายหลายเรื่อง แต่บอกว่านักศึกษาบาลีของเรานั้น การเรียนรู้จะประสบความสำเร็จ ก็ต้องประกอบไปด้วย ๔ สิ่ง ถ้าขาด ๔ อย่างนี้เมื่อไร ท่านทั้งหลายต่อให้เรียนจนจบประโยค ๙ ก็ไม่แน่ว่าจะประสบความสำเร็จในชีวิต

ก็คือประการที่ ๑ บุคลิกดี ซึ่งคำว่าบุคลิกดีนี้ ในสมัยหนึ่งมีวัดดังบางวัด ถึงขนาดกำหนดว่า ถ้าพระภิกษุสามเณรหน้าตาไม่ดี จะไม่รับเข้าสังกัด ซึ่งในยุคนั้นสมัยนั้นทุกคนก็ร่ำลือกันว่า วัดใหญ่ในกรุงเทพฯ วัดนั้น มีแต่พระภิกษุสามเณรหล่อ ๆ ทั้งสิ้น แล้วก็มีตัวอย่างของท่านเจ้าคุณพระอุดมปิฎก (สอน พุทฺธสโร) หรือหลวงพ่อเจ้าคุณสอนที่ไม่ได้สอบบาลี เนื่องเพราะว่าในสายตาผู้อื่นก็คือท่านหน้าตาขี้เหร่ แต่เมื่อถึงเวลามีผู้รับรองให้เข้าสอบ ซึ่งในยุคนั้นเป็นการสอบปากเปล่า ท่านเจ้าคุณสอนสามารถสอบรวดเดียวได้ทั้ง ๙ ประโยคเลย ดังนั้น..ถ้าหากว่าอันดับแรก มีบุคลิกดีก็มีชัยไปกว่าครึ่ง

ประการที่ ๒ มีคุณ คำว่ามีคุณในที่นี้ก็คือมีคุณธรรมความดีงามประจำตัว ประมาณว่ารู้ละอายชั่วกลัวบาป ต่อหน้าและลับหลังไม่กล้าทำบาปเหมือนกัน หรือว่าเรามีคุณธรรมความดีอื่น ๆ เป็นเครื่องประกอบไปด้วย ก็จะเสริมให้ชีวิตของเรามีความก้าวหน้ายิ่งขึ้น

ประการที่ ๓ มีความรู้ เมื่อเรียนแล้วต้องรู้จริง และนำไปบอกกล่าวให้ผู้อื่นรู้ตามได้ด้วย ไม่ใช่มีความรู้แต่ไม่สามารถที่จะแสดงออกให้คนอื่นเห็นได้ ว่าเราเป็นผู้มีความรู้ ถ้าอย่างนั้นก็แปลว่าท่านเรียนรู้ไปก็ไม่มีประโยชน์ ไม่มีโอกาสที่จะได้แสดงออกให้คนอื่นเห็นว่า ความรู้ความสามารถของเราเป็นอย่างไร ก็จะไม่ได้รับความไว้วางใจจากผู้บังคับบัญชา

ประการสุดท้าย ต้องมีความอดทน ซึ่งพอกระผม/อาตมภาพได้ยินข้อนี้ก็ไปนึกถึงหลวงปู่ทอง - พระพรหมมงคล วิ. (ทอง สิริมงฺคโล) อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธาตุศรีจอมทอง วรวิหาร จังหวัดเชียงใหม่ ครูบาอาจารย์ใหญ่ของสายปฏิบัติธรรมภาคเหนือ

หลวงปู่ทองท่านบอกว่า อดได้ ทนได้ เย็นได้ คอยได้ ดีได้ ก็แปลว่าเราต้องมีความอดทนตั้งแต่การศึกษาเล่าเรียน มีความอดทนต่อหน้าที่การงานที่ผู้บังคับบัญชารับผิดชอบได้ มีความอดทนต่อสิ่งดีและไม่ดีที่เกิดขึ้นในชีวิต สิ่งที่ดีเกิดขึ้น ก็อย่าตื่นเต้น เฟื่องฟู และประมาทหลงระเริง สิ่งที่ชั่วชั่วเกิดขึ้น ก็ต้องไม่เสียอาการ รู้จักนิ่ง ระงับยับยั้ง เก็บเอาไว้ภายใน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-02-2025 เมื่อ 02:24
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา