ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายศึกษาในกัลยาณมิตรธรรม ๗ ประการ จะเห็นว่าประการสุดท้ายก็คือ โน จัฏฐาเน นิโยชะเย ต้องไม่ชักนำผู้อื่นไปในทางเสียหาย ก็แปลว่าไม่ว่าเราจะคิด จะพูด จะทำอะไร ต้องคิดอยู่เสมอว่า มีบุคคลที่เขาเลียนแบบและทำตาม ถ้าเราพาเขาหลงออกนอกทาง ก็เท่ากับว่าไปสร้างทุกข์สร้างโทษอย่างมหันต์ให้กับพวกเขา
เนื่องเพราะว่าถ้าลงอบายภูมิ โอกาสที่จะกลับขึ้นมานั้นมีน้อยมาก บางทีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ผ่านไปแล้วหลายพระองค์ เรายังไม่มีโอกาสกลับขึ้นมาเลย แล้วถึงกลับขึ้นมาก็ไม่แน่ว่าจะได้เป็นมนุษย์อีก เพราะว่าเศษกรรมก็จะทำให้เราต้องไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน ตามจำนวนที่เราฆ่าเอาไว้ แล้วถ้าในช่วงนั้นสร้างกรรมหนักเอาไว้โดยไม่เจตนา ก็อาจจะกลับลงต่ำกว่านั้นอีก กลายเป็นว่าเราทำให้ผู้อื่นเสียโอกาส สูญเสียเวลาไปนับชาติไม่ถ้วน..!
ดังนั้น..สิ่งที่เราคิด สิ่งที่เราพูด สิ่งที่เราทำ ถ้าคนนำไปปฏิบัติแล้วผิดทาง โทษหนักจึงเกิดกับเรา ซึ่งส่วนใหญ่ถ้าเป็นนักบวชก็มีอเวจีมหานรกเป็นที่ไป เราท่านทั้งหลายจึงนอกจากต้องปฏิบัติเพื่อตนเองแล้ว ยังต้องปฏิบัติเพื่อผู้อื่น บุคคลที่มีบุญสัมพันธ์ กรรมสัมพันธ์ จะเข้ามาในชีวิตของเรามากขึ้นไปเรื่อย ๆ ตามระยะเวลา ก็แปลว่าเราต้องแบกภาระมากขึ้นไปทุกที
โดยเฉพาะพระภิกษุของเรา ยิ่งแก่คนก็ยิ่งเชื่อถือ ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ภาระของเราที่มากขึ้น ๆ ถ้าภาระทางใจของเราไม่หมด โอกาสที่เราจะแบกรับไม่ไหวจะมีสูงมาก ดังนั้น..จะเห็นว่าบางทีพระภิกษุของเราอายุกาลพรรษามากแล้ว ก็ยังสึกหาลาเพศไป ถ้าหากว่าอย่างที่กระผม/อาตมภาพคุ้นเคยก็ "อดีตหลวงน้ามีชัย สุนฺทโร" สึกไปตอนอายุ ๗๒ ปี..! แล้วคิดดูว่าถ้า ๗๒ ปี เราจะไปทำมาหากินอะไร ?
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-02-2025 เมื่อ 02:49
|