ดังนั้น..ในงานสวดพระอภิธรรมถวายพระเดชพระคุณหลวงพ่อในปี ๒๕๓๖ พูดง่าย ๆ ก็คือว่าจากวันมรณภาพของพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่าน มีการทำบุญกันยาว ๆ จนทะลุข้ามปี คุณบังเอิญก็มากราบขอขมา บอกว่า "ดิฉันไม่เชื่อว่าที่หลวงพี่พูดมาจะเป็นความจริง เนื่องเพราะว่าแค่ขายที่ได้ผืนเดียว ดิฉันกับสามีก็ลอยตัวได้แน่นอน แต่นึกไม่ถึงเลยว่าทุกคนที่ไปบอกขายที่ให้ ล้วนแล้วแต่ฝืดเคืองไปทั้งสิ้น แล้วก็ยืดยาวมาเป็นระยะเวลาถึง ๗ ปีจริง ๆ อย่างที่ท่านว่า"
กระผม/อาตมภาพก็ได้แต่บอกไปว่า "เรื่องนี้ไม่ใช่ว่าอาตมภาพพูดเอง หากแต่ว่าเป็นเรื่องที่พระ หรือครูบาอาจารย์ซึ่งไปกราบเรียนถามแล้วท่านบอกมา อาตมภาพก็ยังไม่เคยเห็นว่าสิ่งที่ท่านบอกมานั้นจะผิด แต่เนื่องจากว่าระยะเวลายาวเกินไป และไม่สอดคล้องกับสิ่งที่เป็นปัจจุบันของโยม การที่โยมไม่เชื่อก็ต้องถือว่าเป็นเรื่องปกติ"
มาในงานนี้ เมื่อพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านบอกว่าเป็นระยะเวลายากลำบากถึง ๕ ปี แล้วขณะเดียวกันก็ให้มีเงินสดติดตัวไว้บ้าง เมื่อถึงเวลาจะได้ใช้จ่ายได้สะดวกคล่องตัวขึ้น เราเองก็อาจจะเก็บเอาไว้สักเล็กน้อย ในส่วนที่เหลือก็อย่าไปลงทุนในกิจการอะไร ในเมื่อยากลำบากถึง ๕ ปี ลงทุนไปก็อาจจะขาดทุนเสียเปล่า ๆ ยกเว้นอย่างเดียวที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านบอกมาหลายปี และกระผม/อาตมภาพก็บอกกับทุกคนมาหลายปีแล้วก็คือ ให้พยายามปลูกพืชปลูกผักอะไรของเราเอาไว้ ถ้าถึงเวลาเขาไม่มีขาย เราจะได้มีกิน
เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า ถึงบ้านเราในปัจจุบันนี้จะอยู่ในสภาพของกึ่งอุตสาหกรรมก็ตาม แต่ว่าพื้นฐานใหญ่ของเราที่ผ่านมาก็คือการเกษตร โดยเฉพาะถ้าใครมีพื้นที่เพียงพอ ก็คือประมาณสัก ๑๐ ไร่ ก็ให้ทำเกษตรทฤษฎีใหม่ตามที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ ได้ตรัสเอาไว้เป็นเวลาหลายสิบปีมาแล้ว
คาดว่าทำตอนนี้ยังทัน โดยเฉพาะพืชผักอายุสั้น ถ้าเราทำในลักษณะปลอดสารพิษ ไม่ว่าตลาดไหนก็ยินดีรับ และอาจจะขายได้ราคาสูงกว่าปกติอีกด้วย เพราะว่าบุคคลที่รักสุขภาพมีมากขึ้น
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-02-2025 เมื่อ 02:50
|