เสร็จจากการบวงสรวงแล้ว พวกเราก็นั่งรอการแสดงของบรรดาช่างฟ้อนต่าง ๆ โดยเฉพาะเด็ก ๆ ที่ได้รับการถ่ายทอดนาฏศิลป์ล้านนา ทำการแสดงถึง ๓ - ๔ ชุดต่อเนื่องกัน แม้กระนั้นก็ตาม เมื่อการแสดงสิ้นสุดลง พวกเรายังต้องนั่งรอกันอีกพักใหญ่ กว่าที่บรรดาพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์สืบชะตาจะมาถึง เนื่องเพราะว่าทุกปีนั้นจะเริ่มสืบชะตาประมาณ ๙ โมงครึ่ง แต่ว่าปีนี้ ครูบาเหนือชัยท่านเลื่อนเวลาให้เร็วขึ้น
กระผม/อาตมภาพนำท่านเข้าซุ้มสืบชะตา ทำการวงสายสิญจน์เหนือศีรษะของท่านแล้ว ก็ไปจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย ส่วนหลวงพ่อนิลจุดเทียนขันสืบชะตาให้ทั้งครูบาเหนือชัยและญาติโยมที่จัดซุ้มเข้าร่วมพิธีด้วย เมื่อพระเจริญพระพุทธมนต์ท่านเริ่มสวด กระผม/อาตมภาพก็เข้าสมาธิยาว ๆ ไปเลย ขึ้นไปกราบครูบาอาจารย์ทางสายเหนือ มีหลวงปู่ครูบาศรีวิชัย เป็นต้นเป็นประธาน ฝากงานพระพุทธศาสนาของสำนักสงฆ์ถ้ำป่าอาชาทองแห่งนี้ ให้หลวงปู่หลวงพ่อเมตตาดูแลด้วย
เนื่องเพราะว่าเมื่อครูบาเหนือชัยท่านเจ็บไข้ได้ป่วย ไม่สามารถที่จะทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ ญาติโยมที่ไปร่วมงานก็รู้สึกว่าจะน้อยลงทุกปี โดยเฉพาะปีที่แล้ว ทางด้านคณะสงฆ์ภาค ๑๔ โดยพระเดชพระคุณพระธรรมวชิรานุวัตร, ดร. (แย้ม กิตฺตินฺธโร) เจ้าคณะภาค ๑๔ ได้จัดให้มีการอบรมพระอุปัชฌาย์ถึง ๓ รุ่นต่อเนื่องกัน เหตุเพราะว่าช่วงที่ผ่านมามีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ทำให้มีการงดฝึกอบรมพระอุปัชฌาย์ไปหลายปี เมื่อถึงเวลา ท่านอยากจะให้กลับไปสู่รอบเดิม จึงต้องทำการอบรมภายใน ๒ เดือน ถึง ๓ รุ่นด้วยกัน..!
กระผม/อาตมภาพที่เป็นคณะกรรมการ ไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมการอำนวยการก็ดี กรรมการฝึกซ้อมภาคปฏิบัติก็ตาม เมื่อรับคำสั่งแล้ว ปรากฏว่าตรงกับวันออกนิโรธกรรมของครูบาเหนือชัย จึงได้แจ้งมาทางนี้ว่า "ปีนี้ไม่สามารถจะขึ้นมาเป็นประธานในงานได้" ก็เลยไม่ทราบว่าปีที่ผ่านมา คนมากน้อยเป็นประการใด
แต่ปีนี้เห็นคนบางตาลงไปถนัด จึงต้องฝากหลวงปู่ครูบาอาจารย์ทั้งหลายของสายภาคเหนือ ให้อนุเคราะห์สงเคราะห์แก่ญาติโยมที่มาร่วมบุญกับทางสำนักสงฆ์ถ้ำป่าอาชาทองแห่งนี้ โดยใช้คำขอว่า "ถ้าไม่เกินวิสัยแล้ว สิ่งใดที่เขาปรารถนาก็ขอให้สำเร็จ" ก็ถือว่าช่วยน้องได้เพียงแค่นี้เท่านั้น พอพูดถึงตรงนี้ ก็นึกถึง "แม่อี๊ด" ที่ใช้คำว่า "พระพี่ชายของครูบา" ทีไร คนก็จะมองกระผม/อาตมภาพด้วยสายตาแปลก ๆ ประมาณว่าให้เป็นน้องก็ยังรู้สึกว่าเด็กไป ทำไมถึงกลายเป็นพี่ไปได้ก็ไม่รู้ ?
ครั้นเสร็จพิธีสืบชะตาแล้ว กระผม/อาตมภาพทำการผูกข้อมือรับขวัญ และพรมน้ำมนต์ถวายท่าน รับไทยธรรมแล้ว มอบปิ่นโตคืนให้ทางเจ้าภาพ ไปเลี้ยงพระทั้งหมดที่มาร่วมงาน ส่วนตนเองก็ขอลา วิ่งลงมาหาภัตตาหารฉันกันกลางทาง เพราะกว่าจะกลับถึงที่พักก็ใช้เวลาเป็น ๑๐ ชั่วโมง ส่วนใหญ่ก็ถึงประมาณ ๔ ทุ่ม ๕ ทุ่ม มัวแต่มา "ปล้ำผีลุกปลุกผีนั่ง" ฉันภัตตาหารปิ่นโตบนรถ อาจจะทำหกตกหล่นก็ได้ จึงถวายคืนให้กับทางเจ้าภาพไป แล้วตนเองมาหาข้าวกล่องฉันกลางทางจะสะดวกกว่า
แล้วในระหว่างเดินทางจึงมาบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนนี้เอาไว้ เพื่อให้ท่านทั้งหลายจะได้ไม่ขาดช่วงในการฟัง ไม่เช่นนั้นแล้ว บางท่านรอแล้วรออีก ไม่ได้ยินเสียงเตือนสักที บางทีมีการทวงถามไปในเฟซบุ๊กอีกต่างหาก..!
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอาทิตย์ที่ ๒๖ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 16-02-2025 เมื่อ 00:25
|