เมื่อคุยกันจนหายคิดถึงแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ลาหลวงพี่สมศักดิ์ เดินทางต่อมายังอำเภอเชียงดาว เข้าไปยังวัดศิลาวาส ซึ่งชื่อเดิมก็คือวัดปิงโค้ง แต่เนื่องจากว่าบ้านปิงโค้งนั้น อยู่ถึงก่อนวัดศิลาวาสหลายกิโลเมตร และสถานที่นี้ก็ขึ้นอยู่กับบ้านปางโม่ด้วย ท่านพันแสนซึ่งเป็นลูกศิษย์ครูบาเหนือชัย โฆสิโต สำนักสงฆ์ถ้ำป่าอาชาทอง เมื่อได้รับคำสั่งให้มาพัฒนาวัดแห่งนี้ จึงได้เปลี่ยนชื่อเป็นวัดศิลาวาส (ปางโม่)
สำหรับวันนี้ที่นิมนต์กระผม/อาตมภาพมา ก็เพื่อที่จะให้ทำการบวงสรวงพุทธาภิเษก และถ้าหากว่าจำไม่ผิดพลาดก็น่าจะมีการหล่อพระด้วย อีกส่วนหนึ่งก็คือในเรื่องของการบริหารจัดการวัดนั้น ท่านพันแสนมีความรู้ความสามารถในการตีหอก ตีดาบ สร้างศาสตราวุธแบบโบราณ แล้วท่านก็ได้นำมาถ่ายทอดให้กับบุคคลทั้งหลายในบริเวณนี้ ผู้ใดที่ทำงานฝีมือเหล่านี้ไว้ ก็จะมาออกร้านจำหน่ายในงานวัด
ส่วนศิลปกรรมต่าง ๆ ที่ท่านได้สร้างเอาไว้ ก็จะเป็นศิลปกรรมออกแนวไทยใหญ่ ประมาณว่ามีช่อมีชั้นลวดลายในลักษณะที่เรียกว่า "ปานต่อ ปานซอย" ซึ่งเป็นการฉลุโลหะประดับตัวอาคาร ท่านบอกว่าเป็นฝีมือสามเณรล้วน ๆ มีสถานที่ซึ่งฝึกหัดให้สามเณรศึกษาเรื่องทั้งหลายเหล่านี้เอาไว้ แล้วถ้าสึกหาลาเพศไปจะได้ทำเป็นอาชีพ หรือถ้าหากว่ายังอยู่ในเพศบรรพชิต ก็จะได้เป็นครูช่างสืบสานวิชาการกันต่อไป
ท่านได้จัดให้กระผม/อาตมภาพพักอยู่บนเนิน ซึ่งเป็นกุฏิเล็ก ๆ ดูท่าแล้วบรรยากาศค่อนข้างจะดีมาก ญาติโยมที่ตามมาประกอบไปด้วยพลขับ ก็คือคุณแดง (มงคล ม่วงน้อยเจริญ) และน้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) นั้น ก็ให้กางเต็นท์อยู่บริเวณข้าง ๆ กุฏินี่เอง แต่ได้ยินว่าอากาศช่วงเช้าอยู่ที่ ๑๔ - ๑๕ องศาเซลเซียส ก็น่าจะต้องไปขนผ้าห่มภายในรถ ซึ่งกระผม/อาตมภาพตุนเอาไว้ ๓ - ๔ ผืนลงมาใช้งานเพิ่มได้
แม้ว่าทางนี้จะจัดเตรียมทุกอย่างเอาไว้แล้ว แต่ว่าเป็นเรื่องของบุคคลที่คุ้นชินกับสถานที่ ท่านอาจจะรู้สึกว่าเพียงพอแล้ว แต่บุคคลที่ไม่คุ้นชิน ถ้าไม่เพียงพอเราก็มีของตนเองเพิ่มเติมได้ ในส่วนอื่นนั้น กระผม/อาตมภาพไม่ได้หนักใจ เพราะว่ากุฏิที่พักนั้น น้ำไหลไฟสว่าง ห้องน้ำสะดวกสบาย แถมยังมีนอกชานที่ให้ตั้งเตาสำหรับต้มน้ำ หรือว่าสนทนาธรรมรอบกองไฟกันได้อีกด้วย ถือว่าเป็นการจัดสถานที่ออกมาได้ดีทีเดียว
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพฤหัสบดีที่ ๒๓ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-01-2025 เมื่อ 01:51
|