ดูแบบคำตอบเดียว
  #3  
เก่า 20-01-2025, 23:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,546 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระขรรค์ทั้ง ๒ เล่มนี้ ตีโดยเหล็กลาย ๔๘๖ ชั้น เล่มหนึ่งทำเลียนแบบพระขรรค์เทพกุญชร แต่ว่าไม่ได้ใส่ลายเทพกุญชรก็คือพระพิฆเณศวรมาด้วย แต่อีกเล่มหนึ่งนั้นใส่ลายท้าวจาตุมหาราชทั้ง ๔ มา โดยที่ปลอกรัดพระขรรค์ ตลอดจนกระทั่งหุ้มฝักหุ้มด้ามทั้งหมดนั้น เป็นแผ่นเงินที่เกิดจากการทำมือทั้งหมด แม้แต่แหมรัดมีด ซึ่งมีส่วนของการถักเส้นเงิน ก็ทำมือทั้งหมด เช่นกัน..!

คุณไก่กำชับว่า "ถ้ามีใครเห็นแล้วชอบใจ อยากได้อยากสั่งก็ขอให้รีบหน่อยนะครับ เพราะว่าคนทำอายุ ๖๘ ปีเข้าไปแล้ว สายตาเริ่มจะไม่ดี ถ้าหากว่าวางมือเมื่อไร ก็จะเสียช่างฝีมือดีด้านนี้ไปเลย"

เมื่อได้สนทนาปราศรัยกันจนถึงเวลา กระผม/อาตมภาพก็บรรยายถวายความรู้ให้กับพระสังฆาธิการที่เข้าประชุมสัมมนาซึ่งมาจากทั่วประเทศ โดยที่มีบุคคลผู้คุ้นเคยกันหลายรูป โดยเฉพาะเจ้าอาวาสวัดวังใหญ่ อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี และพระครูปฐมกิจจานุยุต เจ้าอาวาสวัดหนองกระพี้ ซึ่งท่านเคยเป็นอาจารย์คุมกรรมฐานให้กระผม/อาตมภาพสมัยที่เรียนปริญญาโทอยู่

ได้บอกกล่าวกับท่านทั้งหลายว่า ในการเป็นเจ้าอาวาสของท่านทั้งหลายนั้น ต้องอดกลั้นอดทนเป็นอย่างยิ่ง เนื่องเพราะว่าบุคคลที่ให้การสนับสนุนวัด เขาผูกพันกับเจ้าอาวาสเก่ามายาวนาน ต่อให้เจ้าอาวาสใหม่เก่งเท่า หรือว่าเก่งกว่าเจ้าอาวาสเก่า เขาก็คิดถึงแต่คนเก่าอยู่ดี ถ้าคนใหม่เก่งไม่เท่าเจ้าอาวาสเก่า วัดวาก็มักจะโทรมทันตาเห็น เพราะว่าไม่มีผู้สนับสนุน เราต้องอดทนทำความดีสู้ไปเรื่อย ถ้าหากว่าสามารถชนะใจเขาได้ จึงจะได้รับการสนับสนุนอีกครั้งหนึ่ง แต่ก็มักจะเป็นช่วงท้าย ๆ ของชีวิตของเราแล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ถ้าสิ้นเราไป ผู้มาเป็นเจ้าอาวาสใหม่ ก็จะตกอยู่ใน "วงจรอุบาทว์" นี้อีกตามเคย..!

ดังนั้น..ท่านทั้งหลายจึงต้องยากลำบากอดกลั้นอดทนในการทำความดีสู้ไป จนกว่าเขาจะเห็นคุณงามความดีนั้น หลักการทำความดี


อันดับแรกก็คือ ๑. ต้องปลูกศรัทธา แปลว่าในเรื่องของการสวดมนต์ทำวัตร บิณฑบาต เจริญกรรมฐานนั้นเราขาดไม่ได้ เพราะว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ เป็นหน้าที่ของพระภิกษุสามเณรโดยตรง ในเมื่อเราปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัด ผู้คนเห็นความเป็นสมณะของเรา ก็จะค่อย ๆ เลื่อมใสศรัทธาทีละเล็กทีละน้อย ถ้าสามารถทำได้ยาวนานพอ ก็จะดึงศรัทธาคนให้กลับมาเลื่อมใสได้

ข้อต่อไปก็คือ ๒. ต้องหาต้นทุน ว่าวัดของเรานั้นมีอะไรดีบ้าง อย่างเช่นว่า มีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ มีอดีตเจ้าอาวาสขลัง หรือว่ามีของเก่า มีต้นโพธิ์อะไรที่คนเก่า ๆ เขานับถือเลื่อมใสอยู่ เราสามารถอาศัยสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ เป็นเครื่องโยงใจให้คนเก่าเขาหวนกลับมาสนับสนุนวัดของเราใหม่ อย่างเช่นว่าถ้ามีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ หรือว่ามีสังขารครูบาอาจารย์ที่ขลัง คนเลื่อมใสมาก เราก็จัดงานประจำปี ไม่ว่าจะปิดทองพระพุทธรูป หรือว่าจัดงานบำเพ็ญกุศลถวายให้อดีตเจ้าอาวาส เหล่านี้เป็นต้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-01-2025 เมื่อ 00:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา