เพราะฉะนั้น..เรื่องของการปฏิบัติธรรมคือเรื่องของการประพฤติปฏิบัติสิ่งที่ซ้ำ ๆ ซาก ๆ หลัก Psychology หรือจิตวิทยาของฝรั่งเขาว่า เราทำอะไรซ้ำ ๆ กัน ๓ วัน ๗ วันก็จะเคยชิน พอเคยชินถึงเวลาก็จะทำแบบนั้นโดยอัตโนมัติ
หลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ท่านแปลความเคยชินว่าฌาน สวดมนต์ไหว้พระทุกวัน ถึงเวลาจะรู้ตัวเลยว่าเราต้องสวดมนต์ นั่นคือสวดมนต์จนเป็นฌาน ใส่บาตรทุกวัน ถึงเวลาตื่นขึ้นมา นึกก่อนเลยว่าต้องหุงข้าว ต้องทำกับข้าวใส่บาตร นั่นก็คือใส่บาตรจนเป็นฌาน
เรามีฌานในเรื่องของทานบารมีแล้ว ก็เหลืออยู่อย่างเดียวก็คือ ภาวนาให้จริง ๆ จัง ๆ เพราะว่าเราต้องการกำลังในการตัดกิเลส ถ้ากำลังไม่พอจะตัดกิเลสไม่ได้ กำลังที่ถือว่าพอต่ำสุดก็คือปฐมฌานละเอียด รู้ลมอัตโนมัติ รู้คำภาวนาอัตโนมัติ เอาจิตประคับประคองอยู่แค่นี้ อย่าให้หลุดไปไหน เราจะอยู่กับปัจจุบันเฉพาะหน้า ไม่ไปอดีต ไม่ไปอนาคต ความทุกข์ก็เหลืออยู่แค่นิดเดียว
ทุกวันนี้เราทุกข์เพราะความคิดตัวเอง "แก่จนป่านนี้แล้ว ถ้ามีผัวจะดีไหมนะ ? จะทันมีลูกใช้หรือเปล่าวะ ?" เฮ้อ..รู้ตัวว่าแก่ด้วยนะ แล้วยังจะคิดทำไม ? บางทีหลวงพ่อเห็นพวกเราคิดแล้วก็เซ็งเหมือนกันนะ "จะถามพระดีไหมนะ ?" มาถามสิจะยันให้..ไม่โดนกระโถนหรอก..!
อุตส่าห์หลุดมาได้จนขนาดนี้แล้ว ยังจะตะเกียกตะกายกลับไปหาทุกข์อีก ตัวเองก็ทุกข์แทบตาย ยังจะไปหาเพื่อนมาร่วมทุกข์ "อูย..เดี๋ยวแก่ ๆ แล้วไม่มีใครดูแล" แล้วตอนนี้แก่หรือยัง ? มีใครดูไหม ? หรือจะไปดูแลเขา ? อ้าว..แล้วกัน..ไปยันโน่น..!
สมาทานพระกรรมฐานกันเถอะ ฟุ้งซ่านใหญ่แล้ว..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-01-2025 เมื่อ 02:49
|