เมื่อโดนกล่าวหามาโดยที่บุคคลผู้กล่าวหาก็ไม่ได้ดูบริบทของสังคมว่า ที่แท้จริงแล้วพระภิกษุสามเณรนั้นเป็นผู้ขาดโอกาสทางการศึกษา เมื่อมีพระราชบัญญัติออกมา มีครูบาอาจารย์สนับสนุน ท่านทั้งหลายได้โอกาสทางการศึกษาขึ้นมา ก็ใช้ความเพียรพยายามมากกว่าปกติ
กระผม/อาตมภาพที่เคยเป็นอาจารย์สอนอยู่หลายวิชา ซึ่งมีฆราวาสเรียนร่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็นรัฐประศาสนศาสตร์ หรือว่ารัฐศาสตร์ บริหารรัฐกิจ เหล่านี้เป็นต้น เมื่อสั่งการบ้านไป บรรดาพระภิกษุสามเณรทำมาส่งตามเวลาอย่างเรียบร้อย แต่ว่าฆราวาสหญิงชายที่เรียนร่วมด้วยนั้น บางทีทวงแล้วทวงอีกจนหมดเทอม ก็ยังไม่ได้การบ้านก็มี..! ครั้นถึงเวลาติด I (Incomplete) ไป ก็มาบ่นมาว่า "ครูบาอาจารย์ไม่มีเมตตา" เหล่านี้เป็นต้น
เนื่องเพราะว่าบรรดาพระภิกษุสามเณรนั้นมีจิตสำนึกที่ว่า "ตนเองอยากเรียนแต่ไม่มีโอกาสได้เรียน เมื่อได้รับโอกาสนั้น ก็เพียรพยายามอย่างเต็มที่" แต่ว่าบรรดาฆราวาสหญิงชายที่พ่อแม่ผู้ปกครองสนับสนุนการเรียนอย่างเต็มที่นั้น กลับไม่ค่อยที่จะสนใจเรียนให้เกิดความรู้อย่างจริงจัง จึงเป็นที่น่าเสียดายว่าแต่ละคนรู้มาก รู้ทุกเรื่อง แต่ไม่รู้จริงสักเรื่อง ไม่สามารถที่จะเอาตัวรอดได้ในสังคมอย่างที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน
ดังนั้น..ท่านทั้งหลายจะมากล่าวหาว่าพระภิกษุสามเณรเอาเปรียบก็ไม่ได้ เนื่องเพราะว่าลูกหลานของท่านเองนั่นแหละที่ไม่ใส่ใจในการศึกษา และเหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะการอบรมเลี้ยงดูของผู้ที่เป็นพ่อแม่อย่างท่านทั้งหลายนั่นเอง..!
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ จึงกลายเป็นว่าการศึกษาคณะสงฆ์นั้น ช่วยเสริมสร้างบุคลากรหรือว่าประชาชนให้มีความรู้ความสามารถ เข้าไปช่วยบริหารจัดการกิจการต่าง ๆ จนเจริญรุ่งเรือง สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับประเทศชาติของเราเป็นอันมาก ไม่ใช่เอาเปรียบชาวบ้านอย่างที่ท่านทั้งหลายได้กล่าวหามา
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันศุกร์ที่ ๑๗ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-01-2025 เมื่อ 02:41
|