ดูแบบคำตอบเดียว
  #4  
เก่า 15-01-2025, 23:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,546 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า ตอนนี้ได้มีกฎหมายเกี่ยวกับพระปริยัติธรรมขึ้นมาอย่างเป็นทางการแล้ว รัฐบาลพยายามจัดสรรงบประมาณมาสนับสนุนบุคลากร ซึ่งทำงานอยู่ในสำนักศาสนศึกษาต่าง ๆ โดยเฉพาะตำแหน่งเจ้าสำนักศาสนศึกษา ตำแหน่งอาจารย์ใหญ่ ตำแหน่งผู้ช่วยอาจารย์ใหญ่ ตำแหน่งอาจารย์ประจำสำนักศาสนศึกษา และตำแหน่งเลขานุการสำนักศาสนศึกษา เหล่านี้เป็นต้น

ปีที่แล้วได้งบประมาณมา ๙ ล้านบาท จึงได้จัดสรรให้กับเลขานุการเจ้าสำนักศาสนศึกษาไปก่อน เนื่องเพราะว่าจะเป็นบุคคลที่ทำงานหนักที่สุด ในด้านเกี่ยวกับข้อมูลต่าง ๆ มาปีนี้ได้รับการจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมให้แก่เจ้าสำนักศาสนศึกษา จึงเป็นเรื่องที่กระผม/อาตมภาพในฐานะเจ้าสำนัก ต้องมารับการอบรมว่า เงินก้อนนี้ใช้จ่ายในส่วนใด ? และรายงานผลอย่างไรบ้าง ? โดยเฉพาะแนวทางในการบริหารจัดการสำนักศาสนศึกษาแผนกธรรมให้ก้าวหน้าไปยิ่งกว่านี้

ท่านทั้งหลายที่ได้ยินว่าปีที่แล้วได้รับการจัดสรรงบประมาณมา ๙ ล้านบาท อย่าเพิ่งคิดว่าเป็นจำนวนมาก เนื่องเพราะว่าสำนักศาสนศึกษาของแต่ละวัดทั่วประเทศนั้นมีอยู่มากมาย ก่อนหน้านี้ต่างก็ดำเนินการกันเองด้วยศรัทธา ก็คือศรัทธาของเจ้าสำนัก ซึ่งตนเองเรียนนักธรรมเรียนบาลีแล้วประสบความสำเร็จ ไม่อยากให้พระภิกษุสามเณรบวชแล้วมาอยู่ว่าง ๆ จนกระทั่งอาจจะสร้างปัญหาให้กับวัดวาอารามได้ จึงพยายามหางบประมาณจากแรงศรัทธาที่ญาติโยมทั้งหลายมีต่อเจ้าสำนักนั้น ๆ ส่งเสียให้บรรดาพระภิกษุสามเณรได้เข้ารับการศึกษาสูง ๆ ขึ้นไป เพื่อเปิดโอกาสในการดำเนินชีวิตให้แก่เขาทั้งหลายเหล่านั้น

ญาติโยมทั้งหลายจะเห็นว่ามีบรรดา "มหาเปรียญลาพรต" ตามสำนวนของนักข่าว ได้สึกหาลาเพศออกไป ทำหน้าที่สำคัญต่าง ๆ กันเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในส่วนของอนุศาสนาจารย์กองทัพต่าง ๆ ระบุเอาไว้ชัดเจนเลยว่าจะต้องมีเปรียญธรรมอยู่ในวิทยฐานะของผู้ที่เข้ามาสมัครด้วย ไม่เช่นนั้นแล้วก็ถือว่าไม่มีสิทธิ์ที่จะสอบเข้าเป็นอนุศาสนาจารย์ และบรรดาครูบาอาจารย์รุ่นเก่า ๆ นั้นก็เป็นเปรียญลาพรตกันเสียส่วนมาก เพราะว่าสมัยก่อนนั้น โรงเรียนกับวัดอยู่ใกล้ชิดกัน บางทีวัดก็ให้พื้นที่เพื่อสร้างโรงเรียนด้วย จึงมีโรงเรียนชื่อวัดโน้นวัดนี้จำนวนมากมาย บรรดามหาเปรียญลาพรตก็มาเป็นครูบาอาจารย์สอนนักเรียนต่อ และวิชาการในสมัยก่อนนั้น ก็เข้มแข็งเป็นอย่างยิ่ง

เราท่านจะเห็นว่ามีพระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) ซึ่งสร้างตำราเรียนเอาไว้เป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นตำราเรียนเกี่ยวกับมูลบทบรรพกิจ วาหนิติ์นิกร อักษรประโยค สังโยคพิธาน ไวพจน์พิจารณ์ พิศาลการันต์ เหล่านี้เป็นต้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-01-2025 เมื่อ 02:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา