เมื่อทุกคนพร้อมกันแล้ว พวกเราก็ขนกระเป๋าขึ้นรถ เป็นการแบ่งเบาภาระของพลขับ จากนั้นลูกกิฟท์ก็นำทุกคนไปแจกไอศกรีมให้คนละแท่ง ที่บริเวณหน้าร้านขายไอศกรีมซึ่งมีชื่อเสียงมาเป็นร้อยปีแล้ว เป็นเรื่องตลกตรงที่ว่า อากาศ -๒๓ องศาเซลเซียส แต่พวกเรากลับกินไอศกรีมกันอย่างอร่อยมาก เมื่อกลับขึ้นมาบนรถและออกเดินทางไป ก็ยังวิพากษ์วิจารณ์กันไม่จบ ไม่คิดเลยว่าพวกเราจะสามารถกินไอศกรีมได้ในอากาศติดลบหนาวขนาดนี้ได้
พลขับพาพวกเราฝ่ารถติดย้อนกลับไปที่บริเวณหน้างานเทศกาลแกะสลักน้ำแข็งและหิมะของเมืองฮาร์บินอีกวาระหนึ่ง แต่คราวนี้ไม่ต้องไปอ้อมกลับรถที่วงเวียน ซึ่งไกลจากหน้างานเป็นอย่างมาก เพราะว่าเราสามารถที่จะเลี้ยวขวามือเข้าไปได้เลย
วิ่งไปตามถนนที่ค่อนข้างจะไกลอยู่ทีเดียว แล้วมาลงที่บริเวณหน้างานของเขา ที่มีรูปปั้นตุ๊กตาหิมะตัวใหญ่ พวกเราลงมาแล้วก็เลยฉวยโอกาสถ่ายรูปหมู่ที่หน้างานเหล่านั้นด้วย แล้วก็เห็นฤทธิ์ของคนจีนอีกตามเคยก็คือ แม้ว่าเขาจะกั้นเชือกเอาไว้แล้ว ก็ยังมุดเข้าไปสัมผัสตุ๊กตาหิมะกันอย่างใกล้ชิด ประมาณว่าอยากจะกั้นก็กั้นไป แค่เชือกเส้นเดียวทำอะไร "เฮีย" ไม่ได้หรอก..!
เมื่อพวกเราพร้อมก็เดินตามน้องปูเป้ไกด์สาวอารมณ์ดี ตรงไปยังบริเวณที่ตรวจตั๋ว กระผม/อาตมภาพกับป้ามอย (นางสาวมณีวรรณ สัมฤทธิ์) ได้สิทธิ์ของคนแก่ ตีตั๋วครึ่งราคาตามเคย ผ่านเข้าไปแล้วก็ต้องเดินข้ามสะพานข้ามแม่น้ำซงฮวาเจียง ซึ่งจะมีตุ๊กตาหิมะปั้นเป็นรูปตุ๊กตาแม่ลูกดกเรียงรายเป็นระยะ แต่ละตัวก็คลุมผ้าสีหนึ่ง ซึ่งมีแต่คนไปขอถ่ายรูปกับตุ๊กตาแม่ลูกดกกันทั้งนั้น
คำว่า "แม่ลูกดก" นี้ก็คือตุ๊กตาแบบฝีมือทางด้านเอเชียกลาง โดยเฉพาะใช้ง่าย ๆ ว่าประเทศรัสเซีย ก็คือจากตุ๊กตาตัวหนึ่ง เราสามารถถอดเอาตุ๊กตาตัวเล็กลงไปเรื่อย ๆ ออกมาได้แทบจะไม่รู้จบ โดยเฉพาะตัวสุดท้ายที่เคยเจอมา โตประมาณเมล็ดถั่วเท่านั้นเอง..! เมื่อเอามาประกอบกันเข้าไปใหม่แล้ววางเรียงกันอยู่ บางทีก็ได้เกือบ ๒๐ ตัว..! คนจึงเรียกกันว่า "ตุ๊กตาแม่ลูกดก"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-01-2025 เมื่อ 03:43
|