พวกเราทนสู้ลมหนาวได้ไม่นานก็ต้องหนีกลับขึ้นรถกันหมด และฝ่ารถติดกันต่อไปจนกระทั่งถึง "อนุสาวรีย์น้ำท่วม" ซึ่งน้ำท่วมใหญ่ในปี ๒๕๐๐ นั้น ท่วมสูงถึงขนาดเกือบถึงฐานอนุสาวรีย์ด้านบน กระผม/อาตมภาพดูด้วยสายตาแล้ว น่าจะอยู่ประมาณ ๖ - ๗ เมตรเห็นจะได้ การที่ทุกคนร่วมกันต่อสู้กับน้ำท่วมครั้งนั้น จึงทำให้ทางการจีนสร้างอนุสาวรีย์นี้เอาไว้เพื่อเชิดชูเกียรติ และกลายเป็นจุดศูนย์กลางของเมืองไปอีกจุดหนึ่ง รอบบริเวณนั้นมีทั้งสะพานรถไฟ มีทั้งรูปแกะสลัก Asian Winter Games ๒๐๒๕ รูปแกะสลักของ "ปินปิน" และ "นีนี่" ให้พวกเราหามุมถ่ายรูปกันตามอัธยาศัย
จากนั้นน้องปูเป้ก็พาพวกเราเดินตรงไปยัง "ถนนจงยาง" ซึ่งเป็นถนนสายช็อปปิ้งของเขา ผู้คน "ล้านเจ็ดสิบเอ็ดแสน" อยู่ทางด้านนี้ บอกว่าพวกเราจะเดินกลับไปยังโรงแรมที่พัก ก็คือโรงแรมโมเดิร์นโฮเต็ลเลย ปล่อยให้รถยนต์วิ่งอ้อมไปอีกด้านหนึ่งเอากระเป๋าไปส่งให้
ถนนสายนี้นั้นเป็นถนนที่มีร้านค้าอยู่ในลักษณะที่สร้างเป็นบล็อกแบบทางยุโรป ก็คือจะมีสี่แยกเป็นระยะ ๆ ไป มีข้าวของเครื่องใช้สารพัดจำหน่ายอยู่ แต่กระผม/อาตมภาพซึ่งหมดสภาพเต็มทีแล้ว เนื่องเพราะว่าออกอาการมาลาเรียอย่างชัดเจน แต่ไม่ทราบเหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไรถึงไม่มีไข้ขึ้น เพียงแต่รู้สึกป้อแป้หมดสภาพเท่านั้นเอง ครั้นเดินไปจนกระทั่งถึงโรงแรม เข้าไปเบิกกระเป๋ากันแล้ว ย้อนออกมารออยู่หน้าโรงแรมพักใหญ่ กว่าที่รถของเราจะฝ่ารถติดอ้อมมาถึง แปลว่าการเดินนั้น เราเดินได้เร็วกว่ารถยนต์ที่ต้องไปตามเส้นทางจริง ๆ ด้วย..!
วันนี้กระผม/อาตมภาพได้รับกุญแจห้องมา แต่หาห้องไม่เจอ ต้องไปถามรูมเมดซึ่งทำความสะอาดอยู่ อีกฝ่ายจึงชี้ทางลับให้ว่า เหตุที่ไม่มีป้ายบอกเพราะว่าเป็นห้องพิเศษ ห้องหลังใหญ่โดยเฉพาะ เข้ามาข้างในที่เปิดเครื่องทำความร้อนเอาไว้แล้ว กระผม/อาตมภาพก็ต้องรีบปิดในทันใด แทบจะรื้อเอาทุกชิ้นส่วนของสิ่งของกันหนาวในตัวเองออกมาจนหมด รีบเปิดหน้าต่างให้ความเย็นไหลเข้ามาโดยด่วน ไม่เช่นนั้นแล้วอาจจะเป็นลมเพราะความร้อนไปก็ได้ ไม่นึกเลยว่าอากาศ -๑๗ องศาเซลเซียส แล้วเราจะร้อนเหงื่อแตกได้ขนาดนี้..!
เมื่อเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตาเสร็จเรียบร้อยแล้ว กระผม/อาตมภาพก็รีบส่งรูปต่าง ๆ เข้ากลุ่มไลน์จนกระทั่งครบถ้วน ก็จัดแจงปิดไฟ นอนภาวนาส่งใจอุทิศส่วนกุศลให้กับ "ต้าเหนียง" และบริวาร ตลอดจนกระทั่งเจ้าที่เจ้าทางทั้งหลาย ซึ่งได้ช่วยดูแลอนุเคราะห์สงเคราะห์มาโดยตลอด เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่ายังไม่ได้ฉันยา จึงลุกขึ้นมาฉันยาป้องกันไข้เอาไว้ก่อน แล้วนอนภาวนาส่งใจขึ้นสู่พระนิพพาน หลับไปในเวลาอันรวดเร็ว
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันเสาร์ที่ ๑๑ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-01-2025 เมื่อ 06:16
|