กระผม/อาตมภาพนั้นต้องถอดเสื้อโค้ตออกเสียก่อน เนื่องเพราะว่าเหมือนกับใส่เกราะ จะลุกจะนั่งก็ลำบากไปหมด ครั้นถ่ายจนหมดท้องตัวเบาหวิวดีแล้ว ก็กลับออกมาทางด้านเดิม แล้วก็ต้องมาทุลักทุเลกับการใส่เสื้อโค้ตเสียใหม่ แต่การออกมาครั้งนี้ดีตรงที่ว่า จากแสงตะวันธรรมดา เราก็ได้เห็นแสงสีของทางด้านนี้ซึ่งจัดเต็มเอาไว้ ครั้นเดินถ่ายรูปไปไม่นาน ก็เจอกับคณะของเรา รวมตัวกันถ่ายรูปหมู่ เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรน่าสนใจและจะเป็นไปตามเวลานัดก็คือ ๕ โมงเย็นของเมืองจีนแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ชวนทุกคนเดินออกมาจนกระทั่งไปถึงรถ
โชเฟอร์ของเรานั้นใส่ใจดีมาก ครั้นเห็นน้องเล็กไปเคาะประตู ก็เดินตามมาทางด้านหลัง และกดรีโมตเปิดประตูอัตโนมัติให้ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าโชเฟอร์คันอื่นจะเอาใจใส่กับผู้โดยสารขนาดนี้หรือไม่ ? เนื่องเพราะว่าในลานจอดรถนั้น อากาศค่อนข้างจะหนาวทีเดียว แต่วันนี้พวกเราถือว่าโชคดีมาก เพราะว่าไม่มีลม ไม่ทราบเหมือนกันว่าเป็นความกรุณาของ "ต้าเหนียง" กับบริวารหรือเปล่า ? ไม่เช่นนั้นแล้วน้องปูเป้บอกว่าพาคณะอื่นมา อากาศก็ประมาณแค่ -๑๐ องศาเซลเซียสเท่านั้น แต่ว่าอยู่กันได้แค่ ๑๐ กว่า ๒๐ นาทีก็วิ่งหนีกันหมดแล้ว ถือว่าพวกเราโชคดีได้สัมผัสบรรยากาศอย่างเต็มที่ แถมยังรู้สึกร้อนมากกว่าอีกด้วย..!
เมื่อขึ้นรถมาจึงจัดการแกะเครื่องกันหนาวที่พะรุงพะรังออกกันหมดเสียก่อน แล้วก็ฝ่ารถติดไป ซึ่งทางด้านแสงสีเสียงที่ปรากฏขึ้นมาในยามค่ำคืนนั้น ทำให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเมืองฮาร์บินนี้เจริญสุด ๆ ถ้าหากว่าให้เปรียบกับเซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง เทียนจิน หรือว่าฉงชิ่ง ก็ไม่ได้น้อยหน้ากว่ากันเลย ทั้ง ๆ ที่อยู่สุดหล้าฟ้าเขียวขนาดนี้ แปลว่าเศรษฐกิจดีมาก ๆ แต่เศรษฐกิจยิ่งดีมาก รถก็ยิ่งติดหนักมาก..!
พวกเราที่จะไปยัง "โบสถ์เซนต์โซเฟีย" จึงได้รับคำแนะนำจากโชเฟอร์ว่าไปที่นั่นอาจจะจอดรถไม่ได้ ให้เปลี่ยนเป้าหมายไปที่ "สะพานปินโจว" ซึ่งเป็นสะพานรถไฟเก่าอายุ ๑๐๐ กว่าปีมาแล้วแทน กว่าจะฝ่ารถติดไปถึงก็เสียเวลาไปเนิ่นนานมาก แต่พอลงไปพวกเราก็ถึงกับสะดุ้ง อากาศ -๑๗ องศาเซลเซียสเท่ากัน แต่ทางด้านนี้มีลม จึงได้รู้ว่าความหนาวที่แท้จริงนั้นเป็นอย่างไร..!? พวกเราขึ้นไปบนสะพานปินโจวแล้ว ก็ได้ถ่ายรูปหมู่ และแยกย้ายหามุมกันถ่ายรูปกันตามอัธยาศัย
สะพานเก่าแห่งนี้เป็นสะพานคู่บ้านคู่เมืองข้ามแม่น้ำซงฮวาเจียงมาแต่ดั้งเดิม อายุ ๑๐๐ กว่าปีแล้ว แต่ว่าทางด้านข้างนั้นมีสะพานใหม่ ที่สร้างขึ้นมารองรับทางรถไฟความเร็วสูง จึงทำให้มีสะพานคู่กัน อีกจุดหนึ่งที่อยู่ด้านล่างสะพานนั้นก็กลายเป็นลานสไลเดอร์ให้บรรดาลูกหลานมังกรได้มาเล่นสไลเดอร์กันโครมครามสนุกสนาน ผู้คนแน่นขนัดไปหมด จนอยากจะบอกว่าคนครึ่งประเทศจีนมารวมกันอยู่ที่นี่กระมัง !?
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-01-2025 เมื่อ 06:14
|