ครั้นมาถึงโรงแรมซึ่งได้จองเอาไว้ แทนที่จะเบิกห้องก็แค่แจ้งเจ้าหน้าที่เขาว่ามาถึงแล้ว จากนั้นก็เอากระเป๋ากองรวมกันเอาไว้ก่อน ตรงไปยังห้องอาหารของทางโรงแรม ซึ่งทางด้านนี้จัดโต๊ะเอาไว้ให้กับพวกเรา ๓ โต๊ะ เป็นโต๊ะของญาติโยม ๒ โต๊ะ และโต๊ะพระอีก ๑ โต๊ะ วันนี้แปลกมากว่านอกจากสารพัดผักที่หายากแล้ว ยังอุตส่าห์มีปลานึ่งซีอิ๊วมาด้วย โดยที่ไม่มีใครรู้ว่าปลาอะไร แต่ว่าบรรยากาศที่ -๒๐ กว่าองศาเซลเซียสแบบนี้ กระผม/อาตมภาพฟันธงว่าเป็น "ปลาหิมะ" อย่างแน่นอน..!
ครั้นอิ่มแล้ว พวกเราก็มารับกุญแจ เข้าสู่ห้องพักของใครของมัน นัดหมายกันไว้ว่าเวลาบ่าย ๓ โมงให้ลงมาพบกันที่ล็อบบี้ เพื่อจะออกไปยัง "บ้านดรีมโฮม" ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ โรงแรมที่พักนี่เอง กระผม/อาตมภาพขึ้นสู่ที่พักแล้ว ก็จัดการอาบน้ำอาบท่าจนกระทั่งเรียบร้อย แล้วมาทยอยส่งงานเข้ากลุ่มไลน์ เพื่อให้ "ไอ้ตัวเล็ก" ได้นำไปลงให้ญาติโยมทั้งหลายที่ติดตามดู แม้ว่าจะไม่ใช่สด ๆ แบบเรียลไทม์ แต่ก็ไม่ใช่แห้งแล้งจนกระทั่งเกินวันไป
กว่าที่จะเสร็จสรรพเรียบร้อย ก็มาแต่งตัวเพื่อรอลงไปข้างล่าง เนื่องจากว่าใกล้เวลาแล้ว การที่ต้องใส่กางเกง ๒ ชั้นและก้มลงไปใส่รองเท้า ทำให้สาบานได้ว่าชีวิตนี้ไม่อยากจะอ้วนอีกแล้ว..! เพราะว่ากางเกง ๒ ตัวที่ซ้อนกันค้ำพุงจนกระทั่งก้มไม่ลง ทั้ง ๆ ที่เป็นคนไม่มีพุงกับใคร เมื่อลงมาข้างล่างได้ครู่ใหญ่ สิ่งที่ชอบใจที่สุดก็คือมีเครื่องเติมน้ำร้อน ซึ่งคนจีนมีให้ในทุกที่ สามารถที่จะเติมน้ำสักเท่าไรก็ได้
เมื่อพวกเรามากันครบครันแล้ว ทางบริษัทเติมเต็มทราเวลก็นำพวกเราเดินออกไป จนกระทั่งถึงทางด้านนอก แล้วนัดแนะกันว่าเราจะต้องทำอย่างไรบ้าง โดยเฉพาะมีการแจกตั๋วเข้าชมดรีมโฮม และแจกตั๋วสำหรับรับประทานอาหารเช้าพรุ่งนี้ กระผม/อาตมภาพเห็นว่าเขามีหมาลากเลื่อนอยู่หลายเจ้าด้วยกันที่มารอลูกค้าอยู่ เจ้าหมาลากเลื่อนตัวหนึ่งส่งสายตาปิ๊ง ๆ มา ประมาณว่า "ลูกพี่จำผมได้หรือไม่ ?" เมื่อเข้าไปถึง เจ้านั่นก็เอาสองขาตะกุยเลย ไม่รู้เหมือนกันว่าต้องการที่จะอุ่นขาหรือว่าทักทายกันแน่ ? แต่ก็ขอบใจมากที่เอ็งยังอุตส่าห์จำข้าได้..!
ทักทายกันเสร็จสรรพเรียบร้อย ก็พากันเข้าไปชม "พิพิธภัณฑ์สโนว์ทาวน์" เข้าไปถึงแล้วเห็นว่าเป็นพิพิธภัณฑ์แสงสีเสียงประเภทเดียวกับพิพิธภัณฑ์วัดท่าขนุน แต่เมื่อเปรียบกับที่นี่แล้ว ห่างกันเหมือนฟ้ากับเหว ก็คือพิพิธภัณฑ์วัดท่าขนุนนั้นอยู่ก้นเหวยังไม่พอ พิพิธภัณฑ์สโนว์ทาวน์แห่งนี้ยังอยู่บนฟ้าอีกต่างหาก ระยะห่างจึงห่างกันอย่างชนิดเราไม่สามารถที่จะเทียบกันได้เลย ออกมาแล้วยังบ่นว่า ทำอย่างไรของเราจะได้ทันสมัยและสวยงามเป็นระบบเหมือนกับของเขาก็ไม่รู้ ?
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-01-2025 เมื่อ 05:50
|