เมื่อพวกเราออกมากันแล้ว ก็เดินตรงไปยังลานจอดรถซึ่งพาพวกเราออกไปนิดเดียว เพื่อที่จะไปนั่งม้าลากเลื่อน โดยที่ได้รับคำเตือนว่าให้แต่งตัวแบบจัดเต็มได้แล้ว พร้อมกับที่ลูกกิฟท์เอาแผ่นร้อนรองเท้ามาให้ ๒ แผ่น ซึ่งเป็นผงเคมีร้อนให้สอดไว้ในรองเท้า จึงต้องถอดรองเท้า แล้วก็ขยับขยายใส่กันใหม่ จากนั้นก็แปะตามตัวอีก ๔ แผ่น ๕ แผ่น เพื่อเพิ่มความอบอุ่น..!
กระผม/อาตมภาพเห็นว่าน่าจะฉุกเฉินแล้ว จึงได้นำเสื้อโค้ตที่ "หม่าม้า" (นางสาวไพรินทร์ สุวิชชาญพันธุ์) ซื้อถวายมาใส่ด้วย แต่เมื่อใส่เข้าไปแล้วมองเห็นแค่สบงเท่านั้น จีวรอังสะอะไรไม่เห็นแม้แต่น้อย แต่รู้สึกดีใจมากเมื่อไปนั่งอยู่บนเลื่อน เนื่องเพราะว่าพอเลื่อนวิ่ง ปะทะกับลมเข้า อากาศ -๒๓ องศาเซลเซียสแล้ววิ่งอยู่กลางสายลม รสชาติของชีวิตก็เป็นที่ประจักษ์..!
กระผม/อาตมภาพเตือนพระครูวิโรจน์กาญจนเขต, ผศ.,ดร. เจ้าอาวาสวัดอุทยาน ที่นั่งอยู่ด้วยกันว่าอย่าเกร็งตัว เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าอากาศหนาวแบบนี้ ถ้าเกร็งมาก ๆ เดี๋ยวตะคริวกินเอา..! ให้นั่งผ่อนตัวตามสบายเหมือนอย่างกับนั่งรถมอเตอร์ไซด์ โค้งไปทางไหนเราก็เอนตามไปแล้วจะไม่มีปัญหา แต่พระครูวิโรจน์กาญจนเขต, ผศ.,ดร. น่าจะกลัวตกมากกว่า ขากลับจึงได้เปลี่ยนไปนั่งอีกคันหนึ่งแทน..!
พวกเราไปแวะกลางทางซึ่งเป็นลานวัฒนธรรมของชาวบ้านแถวนี้ มีการไปเต้นรำแก้หนาวและถ่ายรูปกัน พร้อมกับเข้าไปดูว่าชาวบ้านเขาอยู่กันได้อย่างไรท่ามกลางอากาศหนาวเหน็บเจ็บผิว ปรากฏว่าเจ้าของบ้านเปิดให้เข้าไปดูแล้ว แถมยังขายของที่ตนเองทำอยู่ มีพวกแผ่นแป้งทอดและข้าวโพดต้ม โดยที่นั่งอยู่บน "คั่ง" คือเตียงอุ่นที่มีไฟจุดอยู่ข้างใน ถึงได้ว่าไม่ค่อยรู้สึกรู้สาอะไร
เมื่อออกมาแล้ว เลื่อนก็ได้ลากพวกเราต่อไปยังค่ายโจรแห่งหนึ่ง ซึ่งสมัยก่อนปิดทางเดินภูเขาบริเวณนี้แล้วปล้นชาวบ้าน โดยที่มีอุโมงค์ยาว ๆ เอาไว้สำหรับยิงต่อสู้กับเจ้าทรัพย์ หรือว่าตำรวจทหารที่มาปราบ พวกเราต้องเดินด้วยความระมัดระวัง เพราะว่าถ้าพลาดเมื่อไรก็มีสิทธิ์ที่จะลื่นก้นกระแทกพื้นได้..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-01-2025 เมื่อ 05:37
|