เมื่อได้รับคำชมเชยจากผู้บังคับบัญชาทุกระดับว่า คณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมินั้น ห่มจีวรเกือบจะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันทั้งอำเภอ ทั้งที่อำเภอทองผาภูมิเป็นอำเภอที่ใหญ่มาก มีพื้นที่เทียบเท่าจังหวัดสมุทรสาคร สมุทรสงคราม และสมุทรปราการ ๓ จังหวัดรวมกัน จึงทำให้หลวงพ่อพระครูสุวิมลกาญจนวัฒน์ เจ้าอาวาสวัดพุทโธภาวนา เจ้าคณะตำบลชะแล เขต ๑ ท่านก็เปลี่ยนจากการห่มจีวรสีแดงครูบาตามสายครูบาอาจารย์ของท่าน ก็คือหลวงพ่อภาวนาพุทโธ (หลวงพ่อจำลอง) เปลี่ยนมาห่มสีพระราชนิยม จึงทำให้คณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิ เมื่อเข้าประชุมที่ไหนก็ตาม ได้รับคำชมเชยจากผู้บังคับบัญชาเสมอว่า มีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเป็นอย่างยิ่ง
พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระธรรมพุทธิมงคลนั้น ตำแหน่งปัจจุบันของท่านก็คือที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค ๑๔ กระผม/อาตมภาพสมัยนั้นเคยแอบดูกำลังใจพระบ่อย ๆ แม้ว่าจะไปพลาดท่าให้กับพระองค์ที่ ๑๐ จนท่านใช้คำว่า "แว่นตาแตก" ก็คือใช้ทิพจักขุญาณแล้วไม่สามารถที่จะดูได้ก็ตาม แต่ด้วยนิสัยส่วนตัวก็อดไม่ได้ เมื่อถึงเวลากราบพระเถระรูปใดก็มักจะแอบดูกำลังใจของท่านเสมอ
ปรากฏว่าพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านไวมาก ทันทีที่รู้เห็นว่าท่านเป็นพระนักปฏิบัติที่เก็บตัวเป็นอย่างยิ่ง ไม่ยอมเปิดเผยให้คนอื่นรู้ ท่านก็หันขวับมา ยกมือเขกหัวเปรี้ยงสนั่นเลย..! บอกว่า "รู้แล้วแกอย่าเที่ยวไปบอกใครนะ" กระผม/อาตมภาพก็ได้แต่รับปาก โดยที่ไม่สามารถจะปฏิเสธได้ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ท่านก็เห็นกระผม/อาตมภาพเป็นบุคคลผู้ไว้วางใจได้ ไปหาเมื่อไรก็สามารถเข้านอกออกในได้เสมอ
เมื่อท่านมาสร้างหลวงพ่ออู่ทององค์ใหญ่ ที่หน้าผามังกรบิน อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี โดยที่มีสโลแกนว่า "หนึ่งเดียวในไทย ยิ่งใหญ่ในโลก มรดกคู่ฟ้าดิน" เนื่องจากว่าพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่บามิยัน ประเทศอัฟกานิสถาน โดนทางด้านรัฐบาลตาลีบันทำลายไป ท่านจึงตั้งใจสร้างองค์นี้ขึ้นมาแทน เพื่อประกาศความยิ่งใหญ่ของทางด้านพระพุทธศาสนาให้ชาวโลกได้รู้
โดยเฉพาะท่านได้ขอพื้นที่บริเวณเขาทำเทียม ซึ่งอดีตก็คือเหมืองในการระเบิดหินเพื่อที่จะโม่ปูน แล้วเมื่อโดนปิดไป ท่านก็ขอพื้นที่นั้นมาทำประโยชน์ด้วยการแกะสลักหน้าผาเป็นพระพุทธรูปสมัยอู่ทององค์ใหญ่มหึมา ตั้งชื่อให้ว่า พระพุทธปุษยคีรีศรีสุวรรณภูมิ กระผม/อาตมภาพก็ยังร่วมสร้างกับท่านไป ๑ ล้านบาท หลังจากนั้นท่านก็ยังมีโครงการที่จะเจาะถ้ำเพื่อให้พระภิกษุสามเณร สามารถที่จะทำสังฆกรรมบริเวณนั้นได้อีกด้วย
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-01-2025 เมื่อ 03:02
|