วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๓ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ อากาศทางทองผาภูมิยังหนาวลงไปได้อีก ตอนนี้อยู่ที่ ๑๖ องศาเซลเซียส หลังจากบิณฑบาตและฉันเช้าแล้ว กระผม/อาตมภาพได้นำพระภิกษุวัดท่าขนุน ไปรับบาตรจากคณะแพทย์พยาบาลและบุคลากรของโรงพยาบาลทองผาภูมิ นำโดยหมอนุ้ย (แพทย์หญิงนวลจันทร์ เวชสุวรรณมณี) ผู้อำนวยการโรงพยาบาลทองผาภูมิ ซึ่งจัดให้มีการใส่บาตรรับปีใหม่ทุกปี
แต่เนื่องจากว่าวันที่ ๑ มกราคมนั้น ทางเทศบาลจองให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้เข้าโครงการใส่บาตรสร้างกุศลรับปีใหม่ไปแล้ว วันที่ ๒ ทางชุมชนคุณธรรมต้นแบบวังท่าขนุน ก็จองทำบุญกลางบ้านทุกปี วันที่ ๓ จึงมาถึงคิวของโรงพยาบาลทองผาภูมิ
ตั้งแต่ปีแรกที่หมอนุ้ยจัดงานแบบนี้ กระผม/อาตมภาพก็เห็นว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก เนื่องเพราะว่าโรงพยาบาลแต่ละแห่งนั้น มีบุคคลที่เสียชีวิตชนิดตายซับตายซ้อนมากมายนับไม่ถ้วน แล้วจำนวนมากก็กลายเป็นสัมภเวสี ไม่สามารถที่จะไปผุดไปเกิดได้ตามบุญตามกรรมของตน ครั้นจะรอให้ญาติพี่น้องทำบุญไปให้ บางทีส่วนใหญ่ก็เป็นบุญผสมบาป ก็คือมีการฆ่าสัตว์ ไม่ว่าจะสัตว์เล็กสัตว์ใหญ่เพื่อทำอาหาร ซึ่งเรื่องพวกนี้ บุคคลที่ตายไปแล้วจะกลายเป็นคนฉลาด เพราะรู้ดีว่าถ้าตนเองอนุโมทนาไป ก็เท่ากับยินดีในบาปของคนอื่น ซึ่งจะสร้างความเดือดร้อนให้กับตัวเองมากขึ้นไปอีก
แต่ถ้าอย่างหมอนุ้ยนำคณะแพทย์พยาบาล และบุคลากรของโรงพยาบาลทองผาภูมิมาใส่บาตรนั้น จะเป็นข้าวสาร อาหารแห้ง และเครื่องสังฆทาน ซึ่งสามารถที่จะอุทิศส่วนกุศลให้ท่านทั้งหลายเหล่านี้ได้โดยตรง บางท่านรับส่วนกุศลแล้ว ถ้าหากว่ากรรมเบาบางอยู่ ก็จะมีคุณงามความดีคล้ายคลึงกับเทวดานางฟ้า เรียกง่าย ๆ ว่าอยู่ในขอบเขตของความสุข ต่อให้ต้องรอเวลาเกิดนานเท่าไรก็ไม่กังวลแล้ว ไม่อย่างนั้นแล้วตนเองตกอยู่ในสภาพของความทุกข์ ต้องร่อนเร่ไปหาญาติพี่น้องคนโน้นทีคนนี้ที ก็หาคนที่ทำบุญให้ได้ยากเหลือเกิน
ดังนั้น..ในเรื่องดี ๆ แบบนี้ก็ได้แต่หวังว่า ทางคณะแพทย์พยาบาลของโรงพยาบาลทองผาภูมิ จะสืบต่อเจตนารมณ์ของหมอนุ้ยไปเรื่อย ๆ หมายความว่า ถ้าผู้อื่นเข้ามาเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาล ก็ควรที่จะสะกิดบอกกล่าวท่านว่า เรามีธรรมเนียมในการทำแบบนี้ เท่ากับว่าเป็นการสร้างกุศลให้แก่ตนเองด้วย เป็นการทำบุญหน่วยงานของตัวเองด้วย และมีผลพลอยได้ก็คืออุทิศส่วนกุศลให้กับบรรดาผู้ล่วงลับที่มีญาติหรือไม่มีญาติก็ตามไปด้วย กลายเป็นว่าได้ประโยชน์หลายส่วน จึงเป็นเรื่องที่กระผม/อาตมภาพต้องพยายามหาเวลาว่าง เพื่อที่จะมาร่วมงานทั้งหลายเหล่านี้ให้ได้ทุกปี
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-01-2025 เมื่อ 03:10
|