การขึ้นสู่ธรรมาสน์นั้น เราจะขึ้นก็ต่อเมื่อทางเจ้าภาพหรือบุคคลที่เจ้าภาพเชิญให้จุดเทียนส่องธรรมแล้วเท่านั้น การจุดเทียนส่องธรรมในอดีต เพราะต้องการอาศัยแสงสว่างในการอ่านคัมภีร์เทศน์จริง ๆ ในปัจจุบันนี้จุดเป็นธรรมเนียมเท่านั้น แต่ก็ถือว่าเป็นสัญญาณนิมนต์พระธรรมกถึกขึ้นสู่ธรรมาสน์
การขึ้นธรรมาสน์นั้นมีกฎเกณฑ์กติกาว่า เราจะไม่หมุนตัวโดยหันเท้าไปทางพระประธาน ก็แปลว่าเราจะหมุนในมุมที่หันเท้าไปคนละด้านกับพระประธานเสมอ ยกเว้นว่าสถานที่นั้นตั้งพระประธานไว้ด้านหลังธรรมาสน์ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องขึ้นไปด้วยความเป็นระเบียบเรียบร้อย
ก็คือคุกเข่าข้างหนึ่งลงบนธรรมาสน์ แล้วค่อยคุกเข่าอีกข้างตามไป เมื่อหมุนตัวเข้าที่แล้ว หยิบจับผ้าจีวรหรือสังฆาฏิให้เข้าที่เรียบร้อยแล้ว เราก็จะนั่งอยู่ในลักษณะสงบเสงี่ยม เรียบร้อย ทอดสายตาลงต่ำ
เมื่อพิธีกรทำการอาราธนาศีลจนจบ ทุติยัมปิ มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะนัตถายะ ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ เราก็ตั้งตาลปัตรเตรียมให้ศีล
ครั้นเมื่อให้ศีลจบเรียบร้อยแล้ว วางตาลปัตรกลับไปที่เดิม เมื่อพิธีกรอาราธนาธรรม พรัหมาจะ โลกาธิปะตี สะหัมปะติ กะตัญชะลี เราเองก็หันไปพนมมือไหว้คัมภีร์เทศน์ แล้วหยิบมาอยู่ในลักษณะเตรียมพร้อม
เมื่อถึงเวลาแล้วเราก็ขึ้นนะโมฯ เทศน์ พอจบนะโมฯ รอบที่ ๒ ก็ทำการเปิดคัมภีร์เทศน์ขึ้น ครั้นจะอ่านคัมภีร์เทศน์ตามเนื้อหา เราใช้วิธีถือคัมภีร์เทศน์ตรงอยู่ด้านหน้า แต่ใช้วิธีกวาดสายตาไปซ้ายขวาแทน แปลว่าคัมภีร์เทศน์จะนิ่งอยู่กับที่เสมอ
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-01-2025 เมื่อ 09:26
|