เมื่อเราทรงฌานสมาบัติได้ กำลังของเราสามารถกดทับกิเลส รัก โลภ โกรธ หลง ให้ดับสนิทลงได้ชั่วคราว เมื่อกิเลสเกิดไม่ได้ มารก็ไม่มีกำลังที่จะทำอันตรายแก่เราได้ จึงเป็นเรื่องที่เราท่านทั้งหลายควรที่จะขวนขวายใส่ตนเอาไว้เสมอ จนกว่าเราจะทรงฌานสมาบัติได้คล่องตัว
เนื่องเพราะว่าการรักษาศีลอย่างเดียว บางทีเราก็หักห้ามใจตนเองไม่ได้ ต้องอาศัยกำลังสมาธิที่ทำให้กำลังใจของเราเข้มแข็ง มีสติว่องไว รู้ตัวว่าสิ่งผิดพลาดไม่ดีไม่งามจะเกิดขึ้น เพราะการชักจูงของมาร เราก็รั้งตนเองเอาไว้ด้วยกำลังสมาธิ ไม่ไปละเมิดในสิ่งที่ทำให้ตนเองต้องเดือดร้อนภายหลัง
เมื่อสมาธิของเรามีความคล่องตัวมาก สภาพจิตมีความสงบมาก เราก็สามารถที่จะอาศัยความสงบของจิต ยกเอาข้อธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าขึ้นมาพิจารณา
ไม่ว่าพระองค์จะตรัสเอาไว้ว่า สรรพสิ่งทั้งหลายหาความเที่ยงไม่ได้ เราลองดูว่าสิ่งนี้เป็นความจริงหรือไม่อย่างไร ?
สรรพสิ่งทั้งหลายประกอบไปด้วยความทุกข์ เราพิจารณาให้เห็นว่ามีความทุกข์ตามนั้นจริงหรือไม่ ?
สรรพสิ่งทั้งหลายไม่มีอะไรยึดถือมั่นหมายเป็นตัวตนเราเขาได้ เราก็มาพิจารณาว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็นไปตามที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเอาไว้หรือไม่ ?
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-01-2025 เมื่อ 02:15
|