ถ้าท่านทั้งหลายได้ปฏิบัติในอธิศีลสิกขา ในอธิจิตสิกขา และในอธิปัญญาสิกขา ดังที่กล่าวมาแล้ว ก็ได้ชื่อว่า ท่านสร้างประโยชน์ให้เกิดแก่ตน เรียกเป็นภาษาบาลีว่า อัตตัตถะ เป็นประโยชน์แก่ตนโดยเฉพาะ
เมื่อสร้างประโยชน์แก่ตนในเรื่องของศีล สมาธิ ปัญญานี้ได้โดยคล่องแคล่ว มีความมั่นใจว่าไม่ผิดพลาดแล้ว เราก็นำไปสอนผู้อื่นต่อ เมื่อผู้อื่นสามารถที่จะปฏิบัติได้ อย่างที่เราเคยปฏิบัติมาและนำไปบอกกล่าวเขานั้น ก็ได้ชื่อว่าท่านทำประโยชน์เพื่อผู้อื่นโดยสมบูรณ์ เรียกเป็นภาษาบาลีว่า ปรัตถะ การยังประโยชน์ให้ผู้อื่นโดยสมบูรณ์พร้อม
เมื่อท่านยังประโยชน์แก่ตนเองและผู้อื่นให้สมบูรณ์พร้อม ก็ชื่อว่าท่านปฏิบัติใน อุภยัตถะ คือ ประโยชน์ทั้งสองฝ่ายได้อย่างดียิ่ง สมกับที่เป็นบริษัท ๔ ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงวางอนาคตของพระศาสนาไว้ในอุ้งมือของพวกเรา
ด้วยความที่พระองค์เชื่อมั่นว่า พุทธบริษัทของพระองค์นั้น สามารถที่จะประคับประคองพระพุทธศาสนานี้ ให้เจริญเติบโตมั่นคงต่อไปได้ สามารถที่จะหมุนพระธรรมจักรนี้ เพื่อนำพระธรรมของพระองค์ท่านแผ่ขยายกว้างไกลออกไปได้
เมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงมีความมั่นใจในพุทธบริษัท ๔ ของพระองค์ เราที่เป็น ๑ ในพุทธบริษัททั้ง ๔ ก็พึงทุ่มเทในการปฏิบัติ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของศีล ของสมาธิ ของปัญญาก็ตาม ทุ่มเทกันชนิดแลกด้วยชีวิต ถ้าหากว่าไม่สำเร็จก็ให้ตายไปเลย ถ้าท่านทั้งหลายสามารถทำดังนี้ได้ ก็เชื่อได้ว่า ความสำเร็จอยู่ไม่ห่างจากท่านมากนัก
เมื่อทำได้แล้ว ก็ชื่อว่าท่านเป็นผู้ค้ำจุนในพระศาสนา เนื่องเพราะว่ามีตัวเองเป็นหลักยึดได้ ไม่เป็นภาระแก่บุคคลอื่น แล้วขณะเดียวกัน ก็ยังสามารถที่จะยืนหยัดให้ผู้อื่นยึดเกาะได้อีกต่างหาก ถ้าเป็นดังนี้..พุทธศาสนาของเราก็จะเจริญมั่นคงสืบต่อไปได้โดยสมบูรณ์
ท่านทั้งหลายจึงไม่ควรที่จะลืมลมหายใจเข้าออก ไม่ควรที่จะลืมภาพพระหรือพระนิพพาน ให้เอากำลังใจเกาะภาพพระให้เป็นปกติ ให้เอากำลังใจเกาะพระนิพพานเป็นปกติ โดยแบ่งกำลังใจส่วนหนึ่งอยู่กับลมหายใจเข้าออกของเรา ให้ซักซ้อมเอาไว้อย่างนี้บ่อย ๆ จนเกิดความคล่องตัว นึกเมื่อใดพระนิพพานก็อยู่แค่ศีรษะเรานี่เอง นึกเมื่อใดองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ประทับอยู่เหนือศีรษะของเรานี่เอง นึกเมื่อใดพระนิพพานก็อยู่แค่นี้เอง แปลว่าเราไม่ได้ห่างจากพระนิพพานไปไหนเลย
พระนิพพานอยู่แค่เอื้อมมือถึง แต่ส่วนใหญ่แล้วเราไขว่คว้าไปไกลเกินศีรษะตนเอง ไกลเกินเอื้อมของตนเอง จึงควานหาพระนิพพานไม่เจอเสียที
ลำดับถัดต่อจากนี้ ก็ให้ทุกคนกำหนดดูลมหายใจเข้าออกของตน พร้อมกับภาพพระหรือคำภาวนา หรือจะพิจารณาให้เห็นสภาพที่แท้จริงในร่างกายของเรา ว่ามีความตายเป็นปกติอย่างไร มีความสกปรกเป็นปกติอย่างไร ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเราอย่างไร ให้ภาวนาและพิจารณาไปตามความเหมาะสม จนกว่าจะได้ยินสัญญาณบอกหมดเวลา
พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านอนุสาวรีย์
วันอาทิตย์ที่ ๗ มีนาคม ๒๕๕๓
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 11-04-2010 เมื่อ 12:28
|