มีบุคคลหนึ่งซึ่งไม่น่าจะยกขึ้นเป็นตัวอย่าง แต่ว่าชัดเจนที่สุดก็คือ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร วัดบวรนิเวศ ราชวรวิหาร อดีตสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ ๑๙ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ก่อนหน้านี้ก็คือสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ซึ่งเป็นสมเด็จพระสังฆราชที่ดำรงตำแหน่งนานที่สุดของประเทศไทย
พระองค์ผนวชตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ก็คือบวชที่วัดเหนือ - วัดเทวสังฆาราม (พระอารามหลวง) ของจังหวัดกาญจนบุรีนี่เอง แล้วก็ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบอยู่ในผ้าเหลืองตลอดระยะเวลาอันยาวนาน เพราะว่าเป็นสมเด็จพระสังฆราชรูปแรกที่มีพระชนมายุยืนถึง ๑๐๐ พรรษา แต่ช่วงท้ายของชีวิต เราท่านก็จะเห็นว่าพระองค์ท่านป่วย อยู่ในลักษณะติดเตียง ทนทุกข์ทรมานอยู่หลายปี กว่าที่จะสิ้นพระชนม์..!
ถ้าหากว่าพระองค์ท่านไม่ได้ผนวชตั้งแต่เล็ก ไม่ได้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบถึงระดับเป็นอภิญญาลาภีบุคคล ถ้าดำรงชีวิตฆราวาส คาดว่าอาจจะเกิดอุบัติเหตุ เสียชีวิตตั้งแต่ยังหนุ่ม แต่ด้วยความที่ว่าพระองค์ท่านปฏิบัติธรรมมาทั้งชีวิต จนไม่มีใครสงสัยในความบริสุทธิ์ของพระองค์ท่านเลย วาระสุดท้ายของชีวิต พระองค์ท่านยังต้องชดใช้เศษกรรมหนักจนขนาดนั้น..!
เราท่านทั้งหลายจึงพึงตระหนักเอาไว้ว่า ในเรื่องของกรรมนั้น อย่าไปประมาทว่าเล็กน้อยแล้วทำชั่ว ในขณะเดียวกัน ก็อย่าไปประมาทว่าเล็กน้อยแล้วไม่ทำความดีนั้น เพราะว่าเรื่องของกรรม ตราบใดที่ยังไม่เป็นอโหสิกรรรม ไม่ช้าก็เร็วจะสนองกับเราอย่างแน่นอน
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันศุกร์ที่ ๒๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-12-2024 เมื่อ 03:12
|