ทางด้านพระเกจิอาจารย์ส่วนใหญ่ก็เป็นสายตะวันออกในจังหวัดจันทบุรีนี่เอง มีที่หลุดมารายหนึ่งก็คือ ท่านเจ้าคุณพระวชิรสีลาจารย์ (บุญมี กมโล) หรือที่เขาเรียกกันว่าหลวงปู่ใหญ่ มาจากวัดเขาพนมทองคีรีเขต จังหวัดพิษณุโลกโน่น
กระผม/อาตมภาพถ้านับว่าเดินทางจากวัดท่าขนุนมาถึงที่นี่ใช้เวลา ๘ ชั่วโมง คาดว่าพระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณหลวงปู่ก็คงจะมาเกิน ๘ ชั่วโมงแน่นอน ยังดีที่ว่าท่านใช้วิธีไปขึ้นเครื่องบินกลับไปพิษณุโลก ไม่เช่นนั้นคนแก่อายุ ๙๘ ปีแล้ว ก็คงนั่งรถจนหลังเดี้ยงเหมือนกระผม/อาตมภาพนี่เอง
ครั้นถึงเวลา กระผม/อาตมภาพก็ร่วมพิธีบวงสรวง ซึ่งเป็นการเริ่มพิธีในตอนบ่ายโมงกว่า แต่ก็ยังดีที่มีเทวดาเจ้าที่เจ้าทางอุตส่าห์เมตตามาให้การสงเคราะห์ ความจริงการบวงสรวงนั้น ถ้าหากว่าต้องการผลอย่างแท้จริง อย่าให้สายเกิน ๙ โมงครึ่ง ขอให้ทำในช่วงเช้าแต่ไม่เกิน ๙ โมง ๓๐ นาที เพราะว่าถ้าสายกว่านั้น เทวดาท่านจะไปฟังธรรมที่เทวสภา หรือว่าถ้ามีงานประชุมก็ประชุมกันที่เทวสภาอีกเช่นกัน ไม่มีเวลาที่จะมายุ่งวุ่นวายกับพวกเรา นอกจากบรรดาเจ้าที่เจ้าทางที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลแต่ละพื้นที่ เหมือนอย่างกับตำรวจเจ้าของท้องที่ ซึ่งไม่สามารถจะไปไหนได้ ยกเว้นในช่วงวันพระใหญ่ ถึงจะมีโอกาสขึ้นไปฟังเทศน์กับท่านอื่นเขาบ้าง
แต่ว่าถ้าหากว่าพื้นที่ไหนมีเทวดาชั้นจาตุมหาราชดูแลอยู่ ก็ถือว่าเป็นโชคดีมาก เนื่องเพราะว่าในเรื่องของฤทธานุภาพต่าง ๆ นั้น ส่วนใหญ่ถ้าไม่ใช่พระภูมิเจ้าที่ซึ่งเป็นพระอริยเจ้าแล้ว ก็ต้องยกให้บรรดา "พี่ใหญ่" ที่เป็นชั้นจาตุมหาราชนี่เอง กระผม/อาตมภาพเคยเจอเจ้าที่ซึ่งเป็นเทวดาชั้นจาตุมหาราชแล้ว โดยเฉพาะที่ต่างประเทศบางแห่ง โดนกลั่นแกล้งเสียจนหัวหมุนมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ว่าพอมาที่จังหวัดกาญจนบุรี เจอเจ้าของที่ หรือเรียกง่าย ๆ ว่า "เจ้าพ่อหลักเมือง" เป็นพรหมเสียอีก..! กลายเป็นว่าสถานที่สำคัญมาก ๆ บรรดาเทวดาหรือพรหมชั้นผู้ใหญ่ ก็ได้รับมอบหมายมาให้ดูแลสถานที่เหล่านั้นได้เช่นกัน
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-12-2024 เมื่อ 01:50
|