เมื่อเดินทางมาถึง กระผม/อาตมภาพขึ้นไปกราบหลวงพ่อมนัส รายงานตัวเรียบร้อยแล้วก็ลงมาเดินดูบริเวณมณฑลพิธี ซึ่งพระสมุห์สุกฤษฎิ์ ประธานที่พักสงฆ์ฯ ตัวเล็กกะเปี๊ยกเดียว ดูลักษณะเหมือนกับเณรก็ไม่ปาน แต่ว่าบวชพระมา ๑๐ พรรษาแล้ว ท่านเป็นคนที่นี่เอง หลวงพ่อมนัสเมื่อสร้างที่พักสงฆ์แห่งนี้ จึงได้มอบหมายให้ท่านเป็นผู้ดูแล ท่านเองก็มีปฏิปทาเลื่อมใสในแนวปฏิบัติของหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงเหมือนกัน แต่เนื่องจากว่าครูบาอาจารย์หลักก็คือหลวงพ่อมนัสนั้น ท่านศึกษาวิชาการอื่น ๆ มามากแล้ว
ในสมัยที่ท่านยังเป็น "หลวงพี่มนัส" ของพวกกระผม/อาตมภาพอยู่นั้น วิชาที่ท่านถนัดที่สุดก็คือการตั้งธาตุ ปลุกธาตุ เดินธาตุทั้ง ๔ ที่ท่านได้แอบ ๆ หลวงพ่อฤๅษีฯ ถ่ายทอดให้พวกกระผม/อาตมภาพแบบ "ปิดกันให้แซ่ด" เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าท่านชอบในแนวนี้ จะให้ไปสายวิสุทธิมรรคตรง ๆ อย่างที่หลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านสอนให้ ท่านเองก็รู้สึกว่าไม่ถนัดใจ เพราะว่าจิตชอบมาทางด้านฤทธิ์ด้านเดชมากกว่า
ลูกศิษย์สองท่านก็คือหลวงพี่ไพบูลย์ คุณวิปุโล (ไพบูลย์ จั่นแจ่ม) อีกท่านหนึ่งก็คือสิบเอกเสริมชัย จั่นแจ่ม ทั้งสองท่านนี้ต้องบอกว่ามีความคล่องตัวมาก ๆ ในวิชาการที่หลวงพ่อมนัสท่านถ่ายทอดให้ สมัยที่บวชอยู่นั้น หมู่เสริมชัยของเราคล่องตัวในสมาบัติ ๘ เป็นอย่างยิ่ง จนกระทั่งกระผม/อาตมภาพต้องพยายาม "เร่งสปีด" ไล่กวดกันอุตลุด ส่วนหลวงพี่ไพบูลย์นั้น ท่านได้เมตตาสอนวิธีเขียนอักขระเลขยันต์ต่าง ๆ ให้กระผม/อาตมภาพ ที่ขอเรียนต่อจากท่านบ้าง
แต่ว่าญาติโยมทั้งหลาย ถ้าเป็นคนนอกวัด โอกาสที่จะได้พบหลวงพี่ไพบูลย์ของกระผม/อาตมภาพนั้นน้อยมาก เพราะว่าท่านเป็น "พระค้างคาว" ตามที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านเรียกเอาไว้ เนื่องเพราะว่าท่านนอนกลางวัน ตื่นกลางคืน มีเวลาตื่นกลางวันอยู่แค่ไม่กี่นาที ตอนที่ออกมาฉันเพลมื้อเดียวเท่านั้น แล้วหลังจากนั้นไปเจออีกทีก็ตอน ๖ โมงเย็น ที่ท่านมารับเวรต่อจากกระผม/อาตมภาพ แล้วก็เหมายาวไปจนถึง ๖ โมงเช้า..!
เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า เวรยามที่เฝ้าดูแลหน้าตึกถวายความปลอดภัย และรับติดต่อการงานต่าง ๆ ให้กับพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีนั้น ถ้าหากว่าเป็นเวรเช้าก็เข้าตั้งแต่ ๖ โมงเช้าถึงเที่ยง ถ้าเป็นเวรบ่ายก็เข้าตั้งแต่เที่ยงถึง ๖ โมงเย็น ส่วนเวรกลางคืนนั้น หลวงพี่ไพบูลย์ของกระผม/อาตมภาพท่านเหมารูปเดียวทั้งคืน เอาแต่นั่งเขียนเลขเขียนยันต์ ภาวนาอยู่ตลอดเวลา บางทีก็ลืมโกนหนวดโกนเครา แม้กระทั่งการโกนศีรษะก็ลืมไปด้วย จนกระทั่งต้องคอยเตือนกันว่า "พี่..พี่..วันพระใหญ่แล้วครับ" เหล่านี้เป็นต้น
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-12-2024 เมื่อ 01:43
|