เรามีโอกาสได้เกิดเป็นมนุษย์ ต้นทุนของเราก็คือศีล ๕ ถ้าหากว่ามีโอกาสได้ฟังธรรม น้อมนำมาปฏิบัติ เกิดความเลื่อมใสจนอุปสมบทในพระพุทธศาสนาได้ เช่นเดียวกับพระครูปัญญาศาสนธำรงผู้ล่วงลับไป ก็แปลว่าต้องสั่งสมบุญกุศลมาอย่างมหาศาล ถึงได้เป็นผู้ละอายชั่วกลัวบาป แล้วยังเข้ามาค้ำจุนพระพุทธศาสนาได้
เรื่องพวกนี้ต้องบอกว่ากว่าจะสบสมัยได้โอกาสที่เหมาะสม ก็คือมีชาติกำเนิดเกิดเป็นมนุษย์ เกิดเป็นบุรุษ มีอาการครบ ๓๒ อยู่ในครอบครัวที่เป็นสัมมาทิฏฐิ มีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ถึงขนาดออกบวชอุทิศชีวิตเอาไว้ ได้ดำรงสมณเพศจนมรณภาพไปในผ้าเหลือง เป็นเรื่องที่ยากเย็นแสนเข็ญเหลือเกิน โดยเฉพาะภาระหนักที่ท่านทั้งหลายต้องแบกรับเอาไว้ก็คือ การค้ำจุนพระพุทธศาสนาของเราให้ยั่งยืนมั่นคงจนกว่าจะครบ ๕,๐๐๐ ปี
เรื่องทั้งหลายเหล่านี้เป็นเรื่องที่พระครูปัญญาศาสนธำรงท่านได้สร้างสมเอาไว้อย่างเต็มที่ และต้องเป็นบุญกุศลมหาศาล ที่จะส่งผลให้ท่านไปสู่สุคติในเบื้องหน้า จึงกลายเป็นว่าท่านทั้งหลายที่ได้อาศัยใบบุญ ก็คือสิ่งที่ท่านพระครูปัญญาศาสนธำรงได้ทำเอาไว้ในสมัยที่ยังมีชีวิตอยู่ ได้เห็นดีเห็นงาม เห็นในส่วนคุณงามความดีนี้แล้ว ยังแสดงออกซึ่งความกตัญญูกตเวที ด้วยการมาร่วมงานศพในวันนี้เป็นครั้งสุดท้าย หลังจากนั้นก็เหลือเพียงคุณงามความดีให้รำลึกถึงต่อไปเบื้องหน้าเท่านั้น
ท่านทั้งหลายจึงควรที่จะตระหนักเอาไว้ว่า ในเรื่องของคนหรือว่าสัตว์ก็ตาม เมื่อตกตายลงไปแล้ว ก็เหลือเพียงแต่วัตถุหรือคุณงามความดีเอาไว้เป็นที่ระลึกถึง ตัวเราเองนั้นสร้างคุณงามความดีเอาไว้เท่าไร? มั่นใจในคติคือที่ไปเบื้องหน้าของเราแล้วหรือยัง ? ถ้าหากว่ามั่นใจแล้ว ก็ทำคติของเราให้มั่นคงยิ่ง ๆ ขึ้นไป ถ้ายังไม่มั่นใจก็ให้เร่งขวนขวายใน ศีล สมาธิ ปัญญา ให้มากยิ่งขึ้น เพื่อที่จะได้ประกันว่าเมื่อเราสิ้นชีวิตลงไป เราจะได้ไปในภพภูมิที่ดีอย่างแน่นอน
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอาทิตย์ที่ ๒๒ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-12-2024 เมื่อ 01:30
|