พวกเราส่วนใหญ่แล้วกลางวันระมัดระวังตัวเอง ไม่ละเมิดศีล ไม่พูดในสิ่งที่ไร้ประโยชน์ พยายามทรงอารมณ์อยู่กับปัจจุบันตรงหน้า แต่พอกลางคืนสมาธิหลุด เผลอสติหลับ คราวนี้ศีลกี่ข้อก็ขาดกระจาย..!
ใครมายั่วโมโหในความฝันนี่ตบกระจาย..! ตรงไหนยังขยับได้ กระทืบให้นิ่งให้ได้ โห..สะใจมาก..! ลืมไปว่าตัวเองเป็นผู้ปฏิบัติธรรม บางคนกลางวันสำรวมมาก ก้มหน้าก้มตา เพศตรงข้ามไม่อยากมอง กลางคืนหลับหน่อยเดียว เผลอปล้ำลูกชาวบ้านไปเรียบร้อยแล้ว..!
นั่นคือความจริงของจิตใจของเรา กิเลสในใจของเราคือลักษณะอย่างนั้น ตอนฝันนี่เราขาดสติ เราควบคุมไม่ได้ เราจะได้รู้ว่าของแท้นี่กิเลสท่วมหัวเราอยู่ ต้องระมัดระวังคอยประคับประคองบังคับไว้
อันดับแรกก็คือ อย่าสร้างกรรมใหม่ เมื่อหยุดการกระทำของใหม่ได้ คราวนี้ก็ค่อย ๆ ขัดเกลาของเก่า บาลีท่านใช้คำว่า สัลเลขตา เป็นผู้ขัดเกลา
พยายามปรับปรุงกายของเราให้ดีขึ้น ก็คือไม่ไปฆ่าสัตว์ ไม่ไปลักทรัพย์ ไม่ไปประพฤติผิดในกาม ไม่ไปดื่มสุราหรือว่าติดยาเสพติด
ขัดเกลาวาจาของเรา ก็คือนอกจากไม่โกหกแล้ว ยังไม่พูดคำหยาบ ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดวาจาเพ้อเจ้อไร้ประโยชน์ อาจารย์นิกายเซ็นถามลูกศิษย์ว่า "เธอรู้ไหม ทำไมเวลาคนโกรธกันแล้วต้องตะโกนใส่หน้ากันด้วย ?" ลูกศิษย์ตอบว่า "เป็นการระบายโทสะออกมาครับ" อาจารย์ก็ถามต่อว่า "ระบายโทสะอยู่ใกล้แค่นั้น พูดเบา ๆ ก็รู้แล้ว ทำไมต้องตะโกนด้วย ?" ลูกศิษย์ตอบไม่ได้
อาจารย์ท่านบอกว่า "เพราะว่าตอนที่เราโกรธกันนั้น สภาพจิตใจของเราห่างไกลกันมาก จนต้องตะโกนเพื่อให้ดังไปถึงใจของอีกฝ่ายหนึ่ง" แปลว่าโดนกิเลสทับเอาไว้หนาไปหน่อย ต้องตะโกนใส่กัน แต่ถ้าหากว่าคนเรารักกันนี่ใจเราอยู่ใกล้กันมาก กระซิบข้างหูก็รู้เรื่องแล้ว..! ไม่ต้องเสียงดังหรอก นี่พระอาจารย์พูดเรื่องอะไรวะ ? เอ้าไปต่อ..เราพูดเรื่องของการขัดเกลากาย ขัดเกลาวาจา ออกนอกทางหน่อยเดียว หลงไปเตลิดเปิดเปิงแล้ว..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-12-2024 เมื่อ 01:25
|