ในเรื่องพวกนี้นั้นก็ขึ้นอยู่กับเหตุ ๒ ประการด้วยกัน ประการแรกก็คือ พระอุปัชฌาย์อาจารย์ของท่านเข้มงวดกวดขันหรือไม่ ? ถ้าพระอุปัชฌาย์อาจารย์ท่านเข้มงวดกวดขัน เป็นตัวอย่างที่ดี ให้การสั่งสอนอบรมอย่าง "หัวไม่ว่างหางไม่เว้น" ต่อให้ท่านเองอยากจะชั่วขนาดไหนก็ต้องเกรงใจครูบาอาจารย์บ้าง..!
ประการที่ ๒ ก็คือ ท่านทั้งหลายมีจิตสำนึกในความเป็นนักบวชอยู่สักเท่าไร ? ถ้าเรามีสมณสัญญา สำนึกได้อยู่เสมอว่าเราเป็นนักบวช อยู่ในฐานะของบุคคลที่พระพุทธเจ้าตั้งไว้ในตำแหน่งของขอทาน ถ้าเราทำตัวร่ำรวย คนไม่สงสาร ไม่ช่วยเหลือสงเคราะห์ ไม่เพียงแต่เราที่จะเดือดร้อน หากแต่ว่าเพื่อนพระภิกษุสงฆ์สามเณรทั่วทั้งสังฆมณฑลก็จะเดือดร้อนไปด้วย..!
ถ้าเรารู้จักรักษาสมณสัญญา - สมณสารูป ตลอดจนกระทั่งรักศีลของตนเอง มีความละอายชั่วกลัวบาป ปฏิบัติตามคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและครูบาอาจารย์อย่างเคร่งครัด ถ้าลักษณะอย่างนี้ก็ย่อมยังความเลื่อมใสให้กับญาติโยมทั้งหลายเป็นจำนวนมาก ซึ่งเขาทั้งหลายเหล่านั้นนั่นแหละ จะช่วยกันค้ำจุนพระพุทธศาสนาของเราให้ยั่งยืนไปจนครบ ๕,๐๐๐ ปี
จึงเป็นเรื่องที่กระผม/อาตมภาพคิดว่าแม้ว่าไม่สมควรที่จะมาพูดก็ต้องมาพูด ไม่สมควรที่จะต้องมาบอกกล่าวก็ต้องมาบอกกล่าว เผื่อว่าพระภิกษุสามเณรของเราท่านใด ฟังแล้วเห็นดีเห็นงามด้วยแล้วไปปฏิบัติตาม ก็ชื่อว่าจะทำให้เป็นส่วนหนึ่งในการค้ำจุนพระพุทธศาสนาของเราให้ยั่งยืนสืบไป
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพุธที่ ๑๘ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-12-2024 เมื่อ 19:47
|