บางสิ่งบางอย่างที่เราทำไป นอกจากจะต้องมั่นใจในเองบุญเรื่องกุศลแล้ว เรายังต้องเชื่อกรรมด้วย เพราะว่าพระพุทธศาสนาของเราสอนให้เชื่อกรรม ไม่ว่าจะเป็นกุศลกรรม คือคุณงามความดีที่เราสร้างสมเอาไว้ และอกุศลกรรม คือความชั่วทั้งหลายที่เราเคยกระทำมา ต้องคอยระมัดระวังอย่าให้ขาดในการสร้างสมกุศลกรรมเป็นอันขาด
ขณะเดียวกัน ก็ระมัดระวังอย่าไปสร้างอกุศลกรรมเพิ่มเติม ไม่เช่นนั้นแล้วถึงเวลาสิ่งทั้งหลายเหล่านี้มาสนอง ถ้าช่วงนั้นกุศลถอยห่าง อกุศลมีกำลังแรงกล้า ก็อาจจะเหมือนกับตอนที่ไปยังประเทศลาว ที่กระผม/อาตมภาพเองอยู่ ๆ ก็ขาดสติ มารู้ตัวอีกทีก็หน้าทิ่มขั้นบันไดจนเลือดโชกไปเรียบร้อยแล้ว..! ในเรื่องของกรรมเวลาเขามาสนองจะทำให้เราขาดสติชั่วคราว แม้จะไม่กี่วินาทีก็ตาม แต่ว่าจังหวะนั้นแหละที่ผลกรรมจะส่งผลให้ หนักเบาไปตามกรรมเดิมที่เราได้กระทำเอาไว้ จึงเป็นเรื่องที่เราจะประมาทไม่ได้เลย
ทุกวันตื่นเช้าขึ้นมาก็ต้องส่งกำลังใจไปกราบพระ สวดมนต์ไหว้พระ ภาวนาจนกำลังใจทรงตัวแล้ว อธิษฐานขออานุภาพของพระและวัตถุมงคลช่วยคุ้มครองรักษาตัวเรา ทำอย่างนี้เท่ากับว่าเอาตัวรอดไปทีละวัน ก่อนนอนก็รำลึกถึงพระ คิดว่าเรานอนลง ร่างกายเหยียดยาวก็เหมือนกับคนตายดี ๆ นี่เอง ถ้าหากว่าไม่ได้ลืมตาขึ้นมาเห็นวันใหม่ เราก็ขอไปอยู่กับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบนพระนิพพาน แล้วค่อยภาวนาให้หลับไป
ถ้าท่านทั้งหลายสามารถทำอย่างนี้ได้ ก็แปลว่าในแต่ละวันท่านลืมตาตื่นขึ้นมาท่ามกลางความดีความงาม หลับลงไปท่ามกลางความดีความงาม ต่อให้คติของท่านไม่แน่นอนขนาดไหนก็ตาม จิตที่มีสภาพจำย่อมนำท่านไปสุคติได้มากกว่าที่จะลงทุคติอย่างแน่นอน
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอังคารที่ ๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-12-2024 เมื่อ 02:26
|