คราวนี้เราได้หลายได้ชาติกำเนิดเกิดเป็นมนุษย์ ได้พบพระพุทธศาสนา ได้ฟังธรรมแล้ว เราจะละทิ้งโอกาสที่น้อมนำมาปฏิบัติอย่างนั้นหรือ ? ถ้ายิ่งเป็นการบังคับ ยิ่งเท่ากับเขาบังคับให้เราดี การเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสารนี้แต่ละชาติ ประกอบไปด้วยความทุกข์เหลือที่จะทน กระผม/อาตมภาพเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด มาลาเรียกำเริบแต่ละครั้ง เหมือนกับมีอาวุธเสียบแทงอยู่ทั่วร่างกาย แม้แต่นาทีเดียวก็ไม่อยากที่จะได้ร่างกายนี้ เพราะว่ามีแต่ความทุกข์สาหัสขนาดนั้น..!
แล้วถ้าเราเวียนว่ายตายเกิดในทะเลทุกข์ที่ไม่รู้จบแบบนี้ เรายังต้องการอีกหรือ ? ทำไมเราไม่เร่งปฏิบัติใน ศีล สมาธิ ปัญญา เพื่อที่จะฝ่าทะเลทุกข์นี้ไปให้ได้ไกลที่สุด ถ้าหากว่าไม่สามารถที่จะขึ้นสู่ฝั่งในชาตินี้ ก็ขอให้เหลือระยะทางที่เราจะต้องทนทุกข์ให้น้อยที่สุด ไม่ใช่โอกาสดีที่สุดที่เราจะทำให้ความทุกข์นี้ลดน้อยถอยลง กลายเป็นว่าเราทำแบบเสียไม่ได้..!
แม้กระทั่งพวกเราที่เป็นพระภิกษุสามเณรกันเอง กว่าที่จะมาทำวัตรได้ เยื้องย่างมาถึงพรรคพวกเขาเริ่มไปถึงไหนแล้วก็ไม่รู้ ? หรือกว่าจะมาเจริญพระกรรมฐานได้ บางทีเขาเลิกกรรมฐานจนทำวัตรเช้าจะเสร็จแล้ว ถ้ายังไม่คิดว่าสิ่งที่เราทำนี้สำคัญขนาดไหน ก็ขอให้คิดได้แล้ว เพราะว่าเป็นการทำเพื่อตัวเราเองล้วน ๆ
อานิสงส์ที่จะพึงได้รับ ถ้าหากว่าอยู่ต่อไปก็จะได้เป็นหลักชัยของพระพุทธศาสนา ประกาศคุณงามความดีของพระพุทธเจ้าว่าเป็นอย่างไร ประกาศคุณงามความดีของพระธรรมว่าเป็นอย่างไร ประกาศคุณงามความดีของพระสงฆ์ว่าเป็นอย่างไร โดยที่มีตัวเองเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดว่าทำแล้วได้ผลดีอย่างไร
ไม่ใช่ฉันเช้าแล้วเอน ฉันเพลแล้วนอน ตอนบ่ายพักผ่อน ตอนค่ำจำวัด ปล่อยให้กิเลสฟัดอยู่ทุกวันโดยไม่คิดที่จะต่อสู้อะไรเลย แถมยังเป็นตัวอย่างที่เลวให้คนอื่นที่เขาตามมาดูว่า หลวงพี่ท่านนั้นยังทำแบบนั้น หลวงพ่อท่านนี้ยังทำแบบนี้ แล้วกูก็กลายเป็นตัวอย่างที่เลว บ่อนเซาะพระพุทธศาสนาไปอยู่ทุกวัน..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-12-2024 เมื่อ 02:10
|