ก่อนปฏิบัติธรรมช่วงเช้า วันจันทร์ที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๖๗
ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังคงสมบูรณ์บริบูรณ์อยู่ ผู้ใดปฏิบัติตามย่อมได้รับผลมากน้อยตามแต่วาสนาของตน คราวนี้การที่จะได้รับผลนั้น จะต้องทุ่มเทจนสุดความสามารถของตัวเอง ไม่ใช่เรื่อย ๆ มาเรียง ๆ ก็เหมือนกับวิ่งแข่งชิงเหรียญทองโอลิมปิก ถ้าเราไม่พยายามจนเต็มที่ วินาทีสุดท้ายอาจจะโดนคนอื่นปาดหน้าตรงเส้นชัย นำเอาเหรียญทองไปแทน ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็โทษใครไม่ได้..!
คราวนี้พวกเราทั้งหลายอยู่ในลักษณะของคนที่ตั้งใจปฏิบัติธรรมเพื่อเอาผล แต่ถ้าหากว่าการปฏิบัติเพื่อเอาผลแล้ว เรามีกำลังใจในการฝึกฝนตนเองแค่นี้ ก็เป็นที่น่าหนักใจว่า "ผลนั้นจะเกิดชาติไหนกันแน่ ?"
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ได้ให้พวกเราหวังชาติอื่น โดยเฉพาะพระองค์ท่านสอนให้เราอยู่กับปัจจุบัน ดังบาลีที่ว่า อตีตํ นานุโสจนฺโต นปฺปชปฺปนฺนาคตํ ปจฺจุปฺปนฺเนน ยาเปนฺโต ก็คือไม่ให้หวนหาอาลัยอดีต ไม่ให้ฟุ้งซ่านไปในอนาคต ให้จดจ่ออยู่กับปัจจุบันตรงหน้านี้เท่านั้น
พวกเราส่วนใหญ่แล้วความฟุ้งซ่านมีมาก ถามว่ามากแค่ไหน ? ก็แค่จะเดินมาปฏิบัติธรรม ยังเรียกคนโน้น ตะโกนหาคนนี้ มาไม่ทันก็เรื่องของแม่งสิ..! เราก็ไปของเรา เพราะว่าในเรื่องของการปฏิบัติธรรมก็เหมือนกับเรากินข้าว กินแทนกันไม่ได้ คนอื่นกินเราก็ไม่อิ่ม
ในขณะเดียวกันคนอื่นปฏิบัติธรรมผลก็เกิดแก่เขา ไม่ใช่เกิดแก่เรา จึงเป็นเรื่องที่เลิกห่วงคนอื่นได้แล้ว ถ้าจะห่วงก็ห่วงตัวเองเถอะ ว่าตัวเราชาตินี้จะรอดจากนรกหรือเปล่า ?! ชั่วมาเสียเยอะเสียแยะแล้ว ทำดีแค่นี้ไม่มีกำลังใจที่จะต่อสู้ฟันฝ่า ก็ดูท่าจะไม่รอดแน่..! เราต้องเตือนตัวเราเอง พระพุทธเจ้าตรัสไว้ชัดเจนแล้ว อัตตนา โจทยัตตานัง จงกล่าวโทษโจทก์ตนเองเอาไว้เสมอ
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย พิชวัฒน์ : 28-12-2024 เมื่อ 08:39
|