เนื่องเพราะว่าการที่เราทำให้คนอื่นเป็นมิจฉาทิฏฐิ บุคคลที่เป็นมิจฉาทิฏฐินั้นต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฏสงสารอย่างไม่รู้จบ แทบจะไม่มีโอกาสที่ได้พบธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเลย ยิ่งไม่มีโอกาสพบธรรมะ โอกาสที่ความเป็นมิจฉาทิฏฐิจะลึกซึ้งยิ่งขึ้นไปก็มีมากขึ้นทุกที ทำให้คนห่างไกลความดี ก่อทุกข์ก่อโทษแก่เขาขนาดนั้น โทษนี้จึงกลายเป็น ๔ เท่าของอเวจีมหานรก มีเพียงนรกพิเศษระดับ VVIP เท่านั้นที่จะรองรับบุคคลเหล่านี้ได้ ก็คือโลกันตนรก..!
ซึ่งข้อนี้ถ้าเกิดขึ้นกับเราท่านทั้งหลาย ก็คาดว่ากว่าที่จะมีโอกาสได้เกิดขึ้นพบองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอีกครั้ง คงเป็นระยะเวลาที่เนิ่นนานเหลือเกิน เนื่องเพราะว่าโลกันตนรกนั้น มืดมิดปราศจากแสงโดยสิ้นเชิง เหล่าสัตว์นรกต้องห้อยโหนอยู่ที่ขอบเหวนรก ซึ่งหนาวเย็นสุดขั้ว ถ้าเผลอพลั้งพลาดตกลงไปในน้ำกรดที่อยู่เบื้องล่างเมื่อไร ความเย็นจัดของน้ำกรดก็ทำให้ร่างของท่านแหลกสลายกลายเป็นฝุ่นผง ยังไม่ทันที่จะพ้นความทรมาน กรรมก็ทำให้ร่างนั้นต้องก่อเกิดขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง แหวกว่ายอยู่ในทะเลน้ำกรดที่เย็นจนประมาณไม่ได้ต่อไปอีก
ถ้าหากว่าเลี้ยวถูกทางขึ้นฝั่งได้ทัน ก็หนาวเข้าไปถึงจิตถึงใจ อย่างชนิดที่อยากจะตายเสียให้รู้แล้วรู้รอดไป..! แต่ถ้าหากว่าผิดทาง ว่ายยาวไปอีกฝั่งหนึ่ง ยังไม่ทันจะถึงฝั่ง ความเย็นจัดก็ทำลายสังขารของท่านแหลกสลายไปอีกรอบ ครั้งแล้วครั้งเล่าก็อยู่ในลักษณะอย่างนี้ มีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ขึ้นมาพระองค์หนึ่ง พระรัศมีที่ฉายฉานไปก็ผ่านวาบไปครั้งหนึ่ง เหมือนอย่างกับฟ้าแลบในความมืดเท่านั้น ซึ่งเรายังไม่ทันที่จะได้สติ ระลึกตรึกตรองว่าเป็นแสงอะไร ก็ตกอยู่ในความมืดมิด หาความสว่างไม่ได้ต่อไปชั่วกาลนาน..!
พูดง่าย ๆ ว่าถ้าหากคำว่า "ตกนรกแบบไม่รู้ผุดรู้เกิด" อย่างที่โบราณเขาพูดนั้น ไม่มีขุมใดที่เหมาะไปกว่าจะใช้กับโลกันตนรกแห่งนี้อีกแล้ว เราท่านทั้งหลายจึงต้องระมัดระวังตนเองเป็นอย่างสูง พูดง่าย ๆ ว่า "ไม่แน่ใจว่าได้แชร์ออกไปเป็นอันขาด"
สำหรับวันนี้จึงต้องเร่งมาเตือนพวกเรา ขออนุญาตบอกกล่าวแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และญาติโยมทั้งหลายแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันเสาร์ที่ ๑๔ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-12-2024 เมื่อ 01:19
|