คล้าย ๆ กับหลวงปู่ยิ้ม วัดเจ้าเจ็ด ซึ่งบางคนก็เรียกว่าหลวงปู่จีนบ้าง หลวงปู่เจ๊กบ้าง ที่ท่านปัสสาวะใส่กระโถนแล้วสาดเอาไว้เลอะเทอะไปทั้งนอกชานกุฏิ ส่งกลิ่นเหม็นตลบไปไกล ๆ แต่ขนาดนั้นก็ยังกั้นบุคคลที่ศรัทธาไม่ได้ ถึงเวลาเขาก็มากราบ ทั้ง ๆ ที่กลิ่นปัสสาวะเหม็นคลุ้งนั่นแหละ..! แต่ถ้าหากว่าหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ตอนนั้นท่านยังอยู่วัดบางนมโคไปกราบ หลวงปู่ยิ้ม วัดเจ้าเจ็ดท่านก็จะสั่งลูกศิษย์ต้มน้ำร้อนมาราด มาขัดชานกุฏิเสียก่อน เรียกง่าย ๆ ว่าพอบรรเทากลิ่นปัสสาวะลงไปได้ แล้วค่อยนั่งคุยกัน
เราจะเห็นว่าครูบาอาจารย์สมัยก่อนนั้น บางทีท่านก็มีปฏิปทาแปลก ๆ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องไปยุ่งเกี่ยวเคราะห์กรรมของญาติโยมมากนัก ไม่เช่นนั้นถ้าเอาแต่สงเคราะห์ญาติโยม เคราะห์กรรมทั้งหลายที่ญาติโยมจะพึงรับ ก็จะกลายเป็นว่าครูบาอาจารย์ท่านต้องรับแทนไป แต่ละท่านจึงมีวิธีในการ "ไล่แขก" ที่แปลก ๆ ต่างกันไป ส่วนตัวกระผม/อาตมภาพนั้นไม่ไล่แขกให้เสียน้ำใจ หากแต่ว่าออกไปวิ่งงานอยู่ข้างนอก แขกมาไม่พบก็ท้อจนกระทั่งกลับไปเอง หมดเรื่องหมดราวไป..!
เมื่อออกจากวัดบางช้างเหนือมาแล้ว เพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าทำไมเขาเรียกหลวงปู่จ้อยว่าหลวงปู่เจ๊ก ? คาดว่าในบริเวณตำบลคลองใหม่นั้น น่าจะมีคนจีนอยู่เป็นจำนวนมาก เพราะว่าแม้แต่หลวงพ่อเจ้าคุณแก้วท่านก็เป็นลูกจีน คำว่าแก้วในที่นี้เป็นภาษาจีนแคะที่แปลว่าหมา ลักษณะที่เหมือนอย่างกับคนโบราณเรียกลูกตัวเองว่าไอ้หมา อีหมา เหล่านั้นเป็นต้น แต่พอมาเป็นภาษาไทยแล้วกลับรู้สึกว่าไพเราะมาก
กระผม/อาตมภาพยังปรารภกับหลวงพ่อแก้วท่านว่า "ถ้าคนเขาไม่รู้ก็คิดว่าชื่อหลวงพ่อเพราะขนาดเลย..!" แล้วก็นั่งหัวเราะกัน แต่น่าเสียดายว่าหลวงพ่อแก้วท่านไม่สามารถจะพูดภาษาจีนได้แล้ว ไม่เช่นนั้นกระผม/อาตมภาพก็คงจะได้ใช้ภาษาพ่อภาษาแม่ ในการที่คุยปรับสารทุกข์สุกดิบกันได้อีกหลายยก
สำหรับวันนี้คาดว่าจะเป็นเรื่องของฝนตกทั่วฟ้าก่อนที่จะหนาวกะทันหัน พระภิกษุสามเณรและญาติโยมทั้งหลายต้องระมัดระวังเอาไว้ รู้สึกเห็นท่าไม่ดีก็ฉันยากันเอาไว้ก่อน ช่วงปลายฝนต้นหนาวนั้น คนแก่หรือคนป่วย ร่างกายมักจะไม่ค่อยดี ถ้าดูแลไม่ดีก็ "ไป" เสียเอาง่าย ๆ..!
กระผม/อาตมภาพเรียกฤดูนี้ว่า "ฤดูใบไม้ร่วง" ก็คือนอกจากใบไม้ร่วงด้วยความหนาวแล้ว คนแก่คนป่วยยังพากันร่วงเหมือนกับใบไม้ไปด้วย ใครที่มีคนแก่มีคนป่วยอยู่ในบ้าน หรือว่าเป็นคนแก่คนป่วยเสียเอง พึงระมัดระวังฤดูกาลนี้เอาไว้ให้มาก อย่าได้ห่างหมอห่างยา ไม่เช่นนั้นท่านก็จะพ้นทุกข์จากกายสังขารนี้ไปแบบไม่รู้ตัว..!
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันศุกร์ที่ ๑๓ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-12-2024 เมื่อ 01:52
|