พระครูวิโรจน์กาญจนเขต, ผศ.,ดร. เจ้าอาวาสวัดอุทยาน ยังเคยปรารภว่า "บรรดาผู้อำนวยการวิทยาลัยสงฆ์ หรือว่ารองอธิการบดีวิทยาเขตดัง ๆ มาถึง ก็คงจะป๊อปปูล่าร์ได้ระดับนี้เท่านั้น" กระผม/อาตมภาพก็ได้แต่ถอนใจ เพราะว่าถ้าหากว่าเราไปที่ไหนก็ตาม เป็นผู้มีแต่ให้ คนก็ย่อมรักใคร่เมตตาเป็นปกติ ดังพุทธภาษิตที่ว่า "ททมาโน ปิโย โหติ ผู้ให้ย่อมเป็นที่รักนั่นเอง"
เมื่อเข้าไปถึง ได้กราบทักทายพรรคพวกเพื่อนฝูงและครูบาอาจารย์แล้วก็นั่งประจำที่ จนกระทั่งพระเดชพระคุณพระพรหมวัชรธีราจารย์, ศ., ดร. (สมจินต์ สมฺมาปญฺโญ, ป.ธ. ๙) องค์อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยมาถึง แต่ว่าวันนี้ท่านเจ้าคุณอาจารย์อธิการบดีต้องนั่งเก้าอี้ซึ่งจัดไว้ต่างหากด้านข้าง
เนื่องเพราะว่าองค์ประธานที่แท้จริงก็คือ ท่านเจ้าคุณอาจารย์พระพรหมบัณฑิต, ศ., ดร. (ประยูร ธมฺมจิตฺโต ป.ธ.๙, Ph.D.) ราชบัณฑิต องค์อุปนายกสภามหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยนั่นเอง เมื่อท่านเดินทางมาถึงก็ได้แค่พยักหน้าให้เท่านั้น เพราะว่าได้เวลาที่พิธีกรเขานิมนต์ให้จุดธูปเทียนและนำไหว้พระ เข้าสู่พิธีการทำบุญฉลองปริญญาบัตรประจำปี ๒๕๖๗
ท่านเจ้าคุณอาจารย์ได้ให้โอวาทเอาไว้ว่า "ในเรื่องของการศึกษานั้น ท่านทั้งหลายต้องใช้ความเพียรพยายามเป็นอย่างสูง เพื่อที่จะได้ประสบความสำเร็จ ถือว่าท่านได้ทำคุณประโยชน์ให้กับทั้งตนเองและสถาบันที่เรียนอยู่ ครูบาอาจารย์ก็พลอยปลื้มใจที่ลูกศิษย์ทั้งหลายร่ำเรียนจนสำเร็จระดับสูงสุดของประเทศ ซึ่งสมัยของตัวผู้พูดเองนั้น ต้องเดินทางไปเรียนถึงประเทศอินเดีย แต่บัดนี้เรามีหลักสูตรต่าง ๆ ที่แม้แต่ต่างประเทศก็มาร่วมเรียนด้วยเป็นจำนวนมาก ตั้งแต่เปิดหลักสูตรมาเมื่อปี ๒๕๕๔ จนบัดนี้ มหาวิทยาลัยของเรามีผู้จบปริญญาเอกไปแล้ว ๗๗๑ รูป/คน
บรรดาท่านทั้งหลายเหล่านี้ หลายท่านจะว่าไปแล้วก็เป็นพระ "บ้านนอกคอกนา" เหมือนกับตัวผู้พูดนี่เอง แต่ว่าสามารถประกอบความสำเร็จขึ้นมาได้ เพราะว่ามีความเพียร เหมือนอย่างกับในพุทธภาษิตที่ว่า"สทฺธา พีชํ ตโป วุฏฺฐิ ปญฺญา เม ยุคนงฺคลํ หิริ อีสา มโน โยตฺตํ สติ เม ผาลปาจนํ" ซึ่งแปลความว่า "มีศรัทธาเป็นเมล็ดพันธุ์ มีความเพียรเหมือนกับสายฝน ใช้ปัญญาเป็นแอกและไถ มีความละอายชั่วเปรียบดังงอนไถที่บังคับตัวไถ มีใจเหมือนอย่างกับเชือกโยงบังคับเส้นทาง มีสติเปรียบเหมือนผานไถและปฏัก ควบคุมการกระทำกสิกรรม" ดังนี้..เราจึงสามารถประสบความสำเร็จในชีวิตขึ้นมาได้"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-12-2024 เมื่อ 02:41
|