อีกส่วนหนึ่งของวันนี้ ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีในฐานะประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอทองผาภูมิของกระผม/อาตมภาพเอง ก็คือ UNESCO ประกาศให้ "ต้มยำกุ้ง" เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของประเทศไทย ก็แปลว่าตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ถ้าเอ่ยถึงต้มยำกุ้งต้องเป็นประเทศไทยเท่านั้น ไม่ใช่คุณมาศึกษาเรียนรู้ อาจจะเป็นลูกมือช่วยพ่อครัวทำครัว พอที่จะ "ครูพักลักจำ" จดจำสูตรและวิธีทำไปได้ เอาไปทำแล้วจะไป "เคลม" ว่าเป็นของประเทศคุณ..!
กระผม/อาตมภาพเคยไปชิมอาหารไทยในต่างประเทศแล้ว ขอบอกว่ารสชาติ "เห่ย" มาก มีอย่างเดียวที่ถือว่าอร่อยเลย แล้วไม่ทราบเหมือนกันว่าเป็นไปได้อย่างไรก็คือส้มตำ ไปเจอของอร่อยที่ประเทศเนปาล เหลือเชื่อว่าประเทศเนปาลที่ส่วนใหญ่แล้ว ปลูกผักผลไม้ให้เทวดาเลี้ยง โตบ้างไม่โตบ้าง แต่ว่ามะละกอที่เขาเอามาทำส้มตำนั้น เคี้ยวกรอบชนิดที่ลั่นอยู่ในหูเลย..! ไม่แน่ใจว่าเขาเอาวัสดุมาจากที่ไหน ?
แต่ขอยืนยันว่ากินอาหารไทยอร่อยที่สุดที่เนปาลก็คือส้มตำเท่านั้น ส่วนที่อื่น ๆ แม้แต่ต้มยำกุ้งก็ตาม น้ำล้างกระทะบ้านเราน่าจะอร่อยกว่า..! เพราะว่าส่วนใหญ่เขาจะไปทำเอาใจฝรั่ง ก็คือไปลดเครื่องปรุงที่ค่อนข้างเผ็ดร้อนลงเสียหมด..!
ในส่วนของวัฒนธรรม ตลอดจนกระทั่งประเพณี แม้กระทั่งน้ำจิตน้ำใจของคนไทยเรา ต้องบอกว่าเป็น Soft Power ที่พารายได้เข้าประเทศเป็นอย่างมาก จนกระทั่งเขาบอกว่า "แม้แต่เหี้ยยังเป็น Soft Power ได้" ฝรั่งเขาตื่นเต้นกันมาก โดยเฉพาะไปตามดูในสวนลุมพินีกันเป็นวัน ๆ ถ่ายคลิปไปลงแล้วคนเห็นเขาก็แตกตื่นกัน โดยเฉพาะตรงที่ว่า "ทำไมคนไทยไม่ตื่นเต้นกับของอย่างนี้เลย ?" แล้วก็มีคนเข้าไป "คอมเม้นท์" ว่า "ไทยเรามีรัฐบาลประเภทนี้มาเยอะแล้ว ก็เลยเคยชิน..!" ฟังแล้ว "น้ำตาจิไหล..!"
คราวนี้บ้านเราเมืองเรา ถ้าหากว่าจะไปอาศัยแต่การท่องเที่ยวอย่างเดียวย่อมไปไม่รอด ท่านทั้งหลายจะเห็นว่า ต่างประเทศเขาพยายามที่จะสร้างแบรนด์ สร้างสินค้าต่าง ๆ ที่มีคุณภาพ แล้วส่งไปขายต่างประเทศ ไทยเราก็สร้างแบรนด์เหมือนกัน มีบางอย่างโด่งดังในต่างประเทศ แต่บ้านเราไม่สนใจ มัวแต่ไปตามก้นฝรั่งอยู่นั่นแหละ..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-12-2024 เมื่อ 02:30
|