โดยเฉพาะในส่วนของอนุสติทั้ง ๑๐ ประการ ไม่ว่าจะเป็น
พุทธานุสติ การระลึกถึงพระพุทธเจ้า
ธัมมานุสติ การระลึกถึงพระธรรม
สังฆานุสติ การระลึกถึงพระสงฆ์
สีลานุสติ การระลึกถึงคุณของศีล
จาคานุสติ การระลึกถึงคุณของการให้ทาน
เทวตานุสติ การระลึกถึงหลักธรรมหรือคุณธรรมที่ทำให้เกิดเป็นเทวดา
กายคตาสติ การระลึกถึงร่างกายนี้ว่ามีสภาพความเป็นจริงอย่างไร
มรณานุสติ การระลึกถึงความตายเพื่อที่จะได้ไม่ประมาทในชีวิต
อุปสมานุสติ การระลึกถึงความสงบระงับจากกิเลสทั้งปวง หรือบางท่านใช้คำว่าระลึกถึงพระนิพพาน
และสำคัญที่สุดก็คืออานาปานสติ การระลึกถึงลมหายใจเข้าออกที่เป็นแม่ของกรรมฐานทั้งปวง กรรมฐานทุกกอง ถ้าขาดอานาปานสติ ไม่สามารถที่จะทรงตัวมั่นคงได้ อย่างดีก็ทรงตัวอยู่ในระดับปฐมฌานได้ชั่วครู่ชั่วยาม แล้วก็พังเสียหายไปในเวลาไม่นาน
เราท่านทั้งหลายจึงควรที่จะยึดอานาปานสติเป็นหลัก แล้วจะปฏิบัติควบกับกรรมฐานกองไหน ก็ตามแต่ความรักชอบเฉพาะตน แต่ว่าในเรื่องของอนุสตินั้น เป็นกรรมฐานที่สามารถปฏิบัติได้ง่ายที่สุด พูดง่าย ๆ ว่านั่งเฉย ๆ ไม่ต้องมีอุปกรณ์ประกอบอะไร ก็สามารถตามนึกถึงได้
สมัยที่เริ่มฝึกฝนอยู่ กระผม/อาตมภาพไปผิดทาง ก็คือไปเล่นของยากอย่างกสิณเสียก่อน แล้วค่อยย้อนกลับมาฝึกอนุสติ ตอนแรกก็ยังสงสัยว่าเราจะฝึกผิดหรือเปล่า ? เพราะว่าในเมื่อฝึกกสิณมา ในส่วนของอนุสติก็เลยติดภาพกสิณมาด้วย คือไม่ได้นึกถึงพระพุทธเจ้าเฉย ๆ แต่หากว่านึกถึงภาพพระทั้งองค์ ไม่ได้นึกถึงพระธรรมเฉย ๆ แต่นึกถึงภาพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากำลังแสดงพระธรรมเทศนา กระแสธรรมหลั่งไหลลงมาเป็นดอกมะลิแก้วอยู่ตรงหน้า เป็นต้น
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-12-2024 เมื่อ 02:19
|