พวกเราส่วนใหญ่เคยชินกับการนั่งนิ่ง ๆ ขยับปุ๊บสมาธิพังปั๊บ แล้วจะมีประโยชน์อะไร ? เพราะว่าสติ สมาธิ ปัญญา จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้งานในชีวิตจริงได้ เพราะฉะนั้น..การที่เราเคลื่อนไหวแล้วกำหนดสติไปด้วย ถ้าสามารถทรงเอาไว้ได้ เราจะหกคะเมนตีลังกาอย่างไร สติก็จะจดจ่อตั้งมั่นอยู่ตรงนั้นไม่หลุดไปไหน
ถ้าเจริญกรรมฐานด้วยการเดิน คือการเคลื่อนไหว หรือว่าจะเคลื่อนเฉพาะมือ เฉพาะอะไรก็แล้วแต่ เราจะเคยชินกับการทรงสมาธิขณะเคลื่อนไหวได้ แล้วสมาธิจะหลุดยาก ก็แปลว่าพร้อมที่จะเผชิญโลกกว้างแล้ว หัวร้างคางแตกก็ถอยกลับมารักษาแผลใหม่ แล้วก็ยื่นหัวไปตีกับเขาใหม่ กว่าจะสำเร็จอย่างที่ตนเองต้องการ ถ้าเป็นนักรบก็แผลทั้งตัว เย็บจนไม่รู้จะเย็บทางไหนแล้ว โบราณเขาใช้คำว่า "เข็มหลง" ไม่รู้จะออกซ้ายหรือออกขวาดี เพราะว่ามีแต่แผลทั้งนั้น..!
ในเรื่องของการปฏิบัติธรรมจึงเป็นเรื่องของความอดทน ความพากเพียร แต่ต้องเป็นการอดทนและพากเพียรแบบคนมีปัญญา สู้แค่ชนะ อาตมภาพแนะนำเพื่อนพระชาวพม่าว่า "ถ้าฟุ้งซ่าน ให้หยุดภาวนาไปเลย ไปทำโน่นทำนี่ก่อน พอหายบ้าแล้วค่อยกลับมานั่งภาวนาใหม่"
เขาบอกว่าครูบาอาจารย์ของเขาสอนว่า "ถ้าฟุ้งซ่าน ให้ภาวนาสู้ไปจนกว่าจะหายฟุ้ง" อาตมาก็เลยถามไปว่า "แล้วตอนช่วงนั้นทรมานดีไหม ?" หรือเป็นพวกซาดิสต์ชอบความเจ็บปวด..! ก็ไปกวาดบ้าน ถูศาลา ตัดหญ้า อะไรก็ทำไปสิ ก็เหมือนกันนั่นแหละ เพียงแต่เราไปฟุ้งกับงาน ได้งานด้วย พอจิตเริ่มหายบ้า เริ่มสงบแล้ว ก็มานั่ง พุทโธ..พุทโธ ใหม่ ก็แล้วแต่ว่าครูบาอาจารย์เขาสอนมาแบบไหน ถ้าชอบความเจ็บปวดก็สู้กันไปจนกว่าจะหายฟุ้ง หายฟุ้งเสร็จ ขยับตูดออกจากที่..ฟุ้งต่อ เจริญล่ะพ่อ..คราวนี้ฟุ้งไปนานเลย..!
พวกนี้จะเป็นเทคนิคเฉพาะตัว ถ้าเป็นการฝึกวิทยายุทธหรือการต่อสู้เขาเรียกว่า "ลูกไม้" แม่ไม้คือท่าพื้นฐาน ฝึกซ้อมแม่ไม้จนคล่องแคล่วชำนาญ แล้วจะสามารถออกเป็นลูกไม้ได้เอง ตรงจุดนี้ต้องหาลูกไม้ของแต่ละคนในการสู้กับกิเลสให้ได้ ถ้าหากว่าหาไม่เจอนี่ทำตามคนอื่นยาก
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-12-2024 เมื่อ 02:35
|