คราวนี้การที่ท่านนั้นกล่าวว่า "ไม่ได้บวชมาเพื่อสวดมนต์นั้นหมายถึงอะไร ?" ถ้าเป็นการทำวัตรเช้า - ทำวัตรเย็นของพระภิกษุสามเณร ก็แปลว่ากล่าวผิดไปแล้ว แต่ถ้าหากว่าเป็นงานสวดมนต์บ้าน ไม่ว่าจะเป็นสวดมนต์เช้า สวดมนต์เย็นอะไรก็ตาม นั่นก็ถือว่าท่านเองมีกิจส่วนอื่นจะปฏิบัติอยู่ ไม่ไปก็ได้ แต่ขาดการปฏิสัมพันธ์กับญาติโยม ต่อไปก็จะอยู่ยากขึ้น
การสวดมนต์อีกรูปแบบหนึ่งก็คือการสวดมนต์ทำนองสรภัญญะ ซึ่งปัจจุบันนี้เด็กโรงเรียนอนุบาลทองผาภูมิของเรา ต้องบอกว่าอยู่ในระดับต้น ๆ ของประเทศ ชนะเลิศถ้วยพระราชทานของกรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีมาแล้ว
บุคคลที่ได้รับการสรรเสริญมากที่สุดในเรื่องนี้ก็คือพระโสณกุฏิกัณณเถระ ซึ่งได้รับเอตทัคคะทางผู้ที่แสดงธรรมด้วยเสียงอันไพเราะ ก็คือแสดงธรรมเป็นทำนองสรภัญญะเลย
ส่วนการสวดมนต์รูปแบบสุดท้ายของเราที่จะกล่าวก็คือสวดมนต์เพื่อพิธีกรรมต่าง ๆ ตามที่พุทธศาสนิกชนนิมนต์ ไม่ว่าจะเป็นงานมงคลหรือว่าอวมงคลก็ตาม
คราวนี้การที่มีบุคคลกล่าวว่าการสวดมนต์นั้นไม่จำเป็น เพราะว่าไม่ได้บวชมาเพื่อสวดมนต์ ก็แปลว่าส่วนหนึ่งท่านคัดค้านในสิ่งที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้กระทำเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นส่วนของสังฆกรรม หรือว่าส่วนของปริตร ตลอดจนกระทั่งแม้แต่พระเถระที่สวดสรภัญญะ พระองค์ท่านก็สรรเสริญและแต่งตั้งให้เป็นเอตทัคคะบุคคล
แต่ถ้าความหมายของท่านก็คือไม่ได้บวชมาเพื่อสวดมนต์บ้านก็ไม่ว่ากัน เพียงแต่ว่าท่านได้เข้าใจในคุณประโยชน์ของการสวดมนต์สักเท่าไร ?
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-12-2024 เมื่อ 02:26
|