เนื่องจากว่ามนุษย์เราต้องกินอย่างน้อยวันละ ๒ - ๓ มื้อ ในเรื่องของที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรคนั้น สิ้นเปลืองน้อยกว่า ยกเว้นพวกที่ติดตามแฟชั่นอย่างไม่ลืมหูลืมตา เครื่องนุ่งห่มก็อาจจะท่วมบ้านบ้าง แต่ทุกคนก็มีพอที่จะใช้ไปได้อย่างน้อยก็ ๒ - ๓ ปี ยารักษาโรค ซื้อทีหนึ่งก็อยู่ได้ ๓ ปี ๔ ปี ที่อยู่อาศัย ถ้าหากว่ามีก็อยู่กันไปแทบจะตลอดชีวิต..!
ก็เหลืออยู่อย่างเดียวว่า ทำอย่างไรที่เราจะมีความมั่นคงทางอาหาร แม้ว่าตอนนี้จะเป็นการขยับตัวช้าหน่อย แต่ถ้าหากว่าเป็นการปลูกพืชอายุสั้นก็สามารถที่จะให้ผลได้ภายในเดือน ๒ เดือนเท่านั้น หลังจากนั้นแล้วเราค่อย ๆ ขยับพืชอายุที่มากขึ้น เพื่อเป็นหลักประกันของเราไปอีกส่วนหนึ่ง
แต่ว่าเรื่องพวกนี้ ส่วนใหญ่พูดไปแล้ว พวกเราก็แค่ฟังผ่านหู เพราะรู้สึกว่าถ้าต้องไปทำเองเมื่อไรก็ลำบาก เหน็ดเหนื่อย สู้ซื้อจากร้านสะดวกซื้อไม่ได้ เราแค่คิดแบบตรรกะง่าย ๆ ว่าถ้ามีแต่คนซื้อ แล้วคนขายจะเอาที่ไหนมาขายให้ ?
จึงเป็นเรื่องที่พวกเราควรที่จะเตรียมการเพื่อรองรับสิ่งทั้งหลายเหล่านี้เอาไว้ล่วงหน้า ไม่เช่นนั้นแล้วถ้าญาติโยมเดือดร้อน พระภิกษุสามเณรจะเดือดร้อนมากกว่า หลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ท่านใช้คำว่า "ถ้าชาวบ้านอดเมื่อไร พระกับหมาก็ตายก่อน..!"
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอาทิตย์ที่ ๑ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-12-2024 เมื่อ 03:19
|