ดังนั้น..เรื่องของบ่วงมาร เขาอาศัยแค่ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ธรรมารมณ์ ๖ ประการนี้เท่านั้น ที่จะร้อยรัดเราให้ติดอยู่กับวัฏสงสารได้ อะไรที่พอสลัดทิ้งได้ต้องสลัดทิ้งไปเลย ถ้าเป็นเรื่องของพระธรรมวินัย เราต้องสู้กันด้วยชีวิต ถ้าหากว่าอยากกินแล้วทนไม่ได้จะขาดใจตาย ก็ปล่อยให้ตายลงไปเลย..!
พวกท่านเองถ้าหากว่าใครยังติดบุหรี่อยู่ กรุณาอย่าไปสูบให้คนอินเดียหรือคนลังกาเขาเห็น เขาจะตำหนิด่าว่าชนิดที่หนักกว่าพระโดนอาบัติปาราชิกอย่างของบ้านเราเสียอีก..! เขาถือว่า "เป็นนักบวชแล้วของแค่นี้ยังเลิกไม่ได้" ที่โน่นไม่ใช่แต่พุทธศาสนิกชนที่จะตำหนิ แต่ศาสนาอื่นเขาตำหนิด้วย เพราะว่าเราถือเพศนักบวช เป็นผู้ตั้งใจละกิเลส
ดังนั้น..ในส่วนของ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ธรรมารมณ์ อะไรก็ตาม ถ้าละได้ให้รีบละ ทิ้งได้ให้รีบทิ้ง เลิกได้ให้รีบเลิก ไม่ใช่ลงทุนมามากแล้วไม่อยากจะเลิก ตัวเราจะเป็นพระเป็นเณรได้เต็มที่หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับว่าเราปฏิบัติในสิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนได้มากน้อยแค่ไหน ไม่ใช่เรียนจนจบประโยค ๙ ปริญญาเอกแล้ว ก็ยัง "ไม่เป็นโล้เป็นพาย" ได้แต่ความรู้ทางโลกไปเต็มหัว แค่ "ธรรมะคืออะไร ?" ยังต้องไปไล่ถามคนอื่น แบบนั้นก็น่าจะตบให้หัวทิ่มเหมือนกัน..!
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพุธที่ ๒๗ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-11-2024 เมื่อ 03:05
|