ในเรื่องของการศึกษาคณะสงฆ์ ถ้าหากว่าตามที่กระผม/อาตมภาพมีความเห็น จบสักนักธรรมชั้นเอก เปรียญธรรม ๓ หรือ ๔ ประโยค มีพุทธศาสตรบัณฑิตห้อยท้ายก็น่าจะพอแล้ว ที่เหลือก็ตั้งตาตั้งตาปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้นของเรา ซึ่งควรที่จะมาแข่งกันตรงนี้มากกว่า
พวกท่านทั้งหลายก็เห็นแล้วว่า ปัจจุบันนี้พระพุทธศาสนาของเราโดนรุกรานหนักมาก แล้วถ้าหากว่าเราไม่สามารถที่จะบอกจะกล่าว หรือกระทำสิ่งที่ถูกต้องได้ เดี๋ยวถึงเวลาไปออกทีวี ก็จะเหมือนกับ "ท่านปีนเสา" ที่โดนเขาต้อนจนไปไม่เป็น เพราะว่าสักแต่บวชเข้ามาแต่ศึกษาไม่ดี ไอ้โน่นก็แค่ลักจำเขามา ไอ้นี่ก็แค่ลักจำเขามา..!
อีกส่วนหนึ่งที่อยากจะกล่าวถึงในวันนี้ก็คือการบิณฑบาตเมื่อเช้า ส.ท.จูน (นางสาวกฤติกา มาโนช) อ้างถึงบ่อยไปหน่อย ใส่บาตรแล้วก็เรียนถวายว่า "พายจาวตาลกับคอฟฟี่เค้กเจ้าค่ะ" กระผม/อาตมภาพก็ถอนหายใจเฮือก เพราะว่าประการแรก การเอ่ยชื่ออาหาร ทำให้พระฉันได้ไม่เกิน ๓ รูป ไม่อย่างนั้นก็จะกลายเป็นโทษฉันคณะโภชนา เพียงแต่ว่าช่วงนี้ เราได้อานิสงส์กฐิน ยังสามารถที่จะฉันได้อยู่จนกระทั่งไปถึงกลางเดือน ๔ ไม่อย่างนั้น กระผม/อาตมภาพจะต้องแยกเอาอาหารชุดนี้ออกมาแล้ว
อีกประการหนึ่งที่ต้องถอนใจเลยก็คือ กระผม/อาตมภาพไม่เคยเห็นดีเห็นงามกับไอ้เรื่องของพวกนี้เลย อาหารใครว่าอร่อย วิเศษเลิศเลอ แพงขนาดไหน ไม่เคยอยากฉันซ้ำเป็นครั้งที่ ๒ มีความรู้สึกว่า "เราเพิ่งจะสลัดหลุดจากบ่วงอันหนึ่งมา เอ็งก็จะเอาบ่วงอันใหม่มาคล้องให้ใหม่อีกแล้ว" ลองไปนึกถึงวัวควายหรือหมาที่โดนล่ามเชือกล่ามโซ่อยู่ สลัดหลุดออกมาได้ แล้วคนเขาถือเชือกถือบ่วงมาใหม่ ก็มีแต่อยากจะเผ่นไปให้ไกลจากตรงนั้น..!!!
ดังนั้น ในเรื่องของข้าวปลาอาหาร กระผม/อาตมภาพจึงไม่ได้สนใจเลย อะไรก็ได้..แค่ฉันกันตายไปวันหนึ่ง จนกระทั่งคุณนวลจันทร์ เพียรธรรม ประธานคณะกรรมการบริหารบริษัทเอ็นซีทัวร์ ยังออกปากว่า "หลวงพ่อเล็กเป็นพระที่ฉันง่ายที่สุดในโลก" เดินทางไปด้วยกันกับคณะ ทางบริษัทเขาขนอาหารจากเมืองไทยไป ๔๐ กิโลกรัม ก็เหลือกลับมาเกือบ ๔๐ กิโลกรัม วันท้าย ๆ ต้องมาไล่ขอร้องในคณะว่า "ช่วยกันกินหน่อยค่ะ..!"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-11-2024 เมื่อ 03:03
|