ตรงนี้เป็นปัญหาใหญ่มาก เนื่องเพราะว่าถ้าหากว่ามีญาติโยมน้อย แล้วมีแต่พระของเราเดินทางมาสนับสนุนกันเอง ให้กำลังใจกันเอง วัดก็ไม่น่าจะอยู่ได้ อย่างที่มีการปรารภกันเมื่อไม่กี่วันนี้ว่า ขนาดเป็นวัดอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร ยังไม่มีค่าไฟที่จะจ่ายให้กับการไฟฟ้า เนื่องเพราะว่าไม่ได้บอกบุญ ไม่ได้เรี่ยไรโยม แล้ววัดก็มีแต่ช่วยชาวบ้านอย่างเดียว..!
ปัญหาพวกนี้ ถ้าหากว่าพระภิกษุสามเณรของเราอยู่ในกรอบของพระธรรมวินัย ปฏิบัติอยู่ใน ศีล สมาธิ ปัญญา ให้ญาติโยมทั้งหลายได้เห็นเป็นปกติ ก็จะสร้างศรัทธาให้ญาติโยมอยากจะเข้าวัด แต่ถ้าหากว่า "ฉันเช้าแล้วเอน ฉันเพลแล้วนอน ตอนบ่ายพักผ่อน ตอนค่ำจำวัด" จะให้โยมเข้าวัด ย่อมเป็นไปไม่ได้
ถ้าหากว่าเป็นอย่างที่พระเถระรุ่นเก่า ๆ ท่านปรารภเอาไว้ ก็คือ "บริหารวัดให้ สะอาด สว่าง สงบ คนก็จะเข้าวัดเอง" แต่ว่าในสมัยนี้ ญาติโยมมีข้อเรียกร้องต่อวัดมากกว่านั้นหลายเท่า โดยเฉพาะญาติโยมจำนวนมากเข้าวัดไปเพื่อหาชุดเช็คอิน ถ่ายรูป แล้วก็ไปเลย..! พูดง่าย ๆ ว่าไม่มีจุดเช็คอินให้ก็ไม่เข้าวัด มีให้ก็แค่เข้าวัดไปถ่ายรูปเท่านั้น ไม่ได้คิดที่จะไปเอาศีลเอาธรรม เอาบุญอะไรจากในวัดติดตัวไปเลย กระทั่งบุญกุศลต่าง ๆ ที่จะพึงทำก็ไม่ได้คิดที่จะทำ ขอให้มีรูปเป็นที่ระลึกเท่านั้น..!
ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ปัญหาใหญ่ของคณะสงฆ์ของเรา แล้วพระเถระระดับเจ้าคณะปกครองท่านมองเห็น เราถึงต้องมีโครงการหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบล โครงการสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัด โครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ โครงการ วัด ประชา รัฐ สร้างสุข ด้วยหลัก ๕ ส. พูดง่าย ๆ ว่าอยู่ยากขึ้นไปทุกวัน..!
เนื่องเพราะว่าญาติโยมในปัจจุบันนั้นมักจะแยกไม่ออก ไม่ทราบเหมือนกันว่าปัญญาน้อย หรือว่าตั้งใจแกล้งโง่..! ก็คือ แยกไม่ออกว่าระหว่างพระภิกษุสามเณรที่เป็นปุถุชน กับพระภิกษุสามเณรที่เป็นพระอริยเจ้านั้นเป็นอย่างไร ? ก็เลยมักจะเรียกร้องให้พระภิกษุสามเณรปุถุชนของเรา เป็นพระอรหันต์กันเสียหมด..!
พูดง่าย ๆ ก็คือทำอะไรจะผิดเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม กูด่าเอาไว้ก่อน แบบเดียวกับที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อเจ้าคุณแย้ม - พระธรรมวชิรานุวัตร, ดร. (แย้ม กิตฺตินฺธโร) เจ้าคณะภาค ๑๔ ท่านปรารภกับกระผม/อาตมภาพในวันก่อนว่า "แกมีเหตุผลดีแค่ไหน พูดไปมันก็ไม่ฟังหรอก มันด่าเอาไว้ก่อน..!"
ถ้าเราแยกออกก็จะรู้ว่า ภิกษุปุถุชนหรือว่าสามเณรปุถุชนของเรา ต้องมีการทำผิดทำพลาดเป็นปกติ ส่วนท่านที่ตั้งใจประพฤติปฏิบัติขัดเกลาตนเองจริง ๆ เพื่อที่จะเข้าถึงความหลุดพ้น ปัจจุบันนี้ก็มีน้อยมาก เพราะว่าญาติโยมตั้งข้อเรียกร้องกับพระภิกษุสามเณรมากเกินไป ก็คือต้องคุยภาษาเดียวกัน ต้องรู้เรื่องทางโลกให้เหมือน ๆ กัน ไม่อย่างนั้นแล้วคุยกันไม่รู้เรื่อง แต่พอศึกษาทางโลกมากเกินไป พระภิกษุสามเณรของเราที่เป็นปุถุชนเสียส่วนมาก ก็มักจะรั้งตัวเองไม่อยู่ ถ้าไม่เตลิดเปิดเปิงตามกระแสโลก จนเสียผู้เสียคน ขาดสมณสารูปของนักบวช ก็มักจะสึกหาลาเพศไปเลย..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-11-2024 เมื่อ 02:50
|