เพียงแต่อยากจะบอกกับพวกเราว่า ถ้าตั้งใจฝึกหัด สภาพจิตของเรานี้ ต้องบอกว่ามีอานุภาพมหาศาลเกินกว่าที่เราจะคาดถึง เนื่องเพราะว่าพอจิตของเราสงบ จะสามารถย้อนดูบันทึกบุญกรรมของแต่ละคนไปได้มากจนเราคิดไม่ถึง
แต่ว่าบุคคลที่จะย้อนดูได้ไม่จำกัดเลยมีแค่ไม่กี่คน มีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระสารีบุตรเถระ พระโมคคัลลานะเถระ พระมหากัสสปะเถระ พระอนุรุทธเถระ พระนางปชาบดีโคตมีเถรี พระนางอุบลวรรณาเถรี พระนางภัททากัจจานาเถรี พระนางภัททกาปิลานีเถรี เป็นต้น
พระนางภัททกาปิลานีเถรี ที่ก่อนหน้านั้นเป็นคู่หมั้นของพระมหากัสสปะ เป็นชีวิตคู่ที่เซ็งมากเลย พ่อแม่บังคับให้แต่งกัน ต่างคนต่างเป็นลูกเศรษฐี ต่างคนต่างไม่อยากแต่ง ถึงเวลาเขาส่งตัวเข้าหอก็เอาพวงมาลัยคั่นกลางเตียงไว้ นอนคนละฝั่ง ตื่นเช้าก็มาเล็งดูพวงมาลัยก่อนว่าด้านไหนเหี่ยว เพราะว่าถ้าไฟราคะเกิด พวงมาลัยด้านนั้นจะเหี่ยวเร็วกว่า ก็อยู่กันมาอย่างนั้นแหละ ก็คือต่างคนต่างไม่อยากแต่ง แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร โดนพ่อแม่บังคับ..!
ก็รอจนพ่อแม่ตาย ปิปผลิมาณพ (พระมหากัสสปะ) ก็บอกกับนางภัททกาปิลานีว่า "ดูก่อนน้องหญิง เธอจงรับทรัพย์สมบัติทั้งหมดไปเถิด ส่วนเราจะออกบวช" นางภัททกาปิลานีก็เกิดความรู้สึกเดียวกัน จึงบอกว่า "สมบัติที่ท่านไม่ต้องการเหมือนน้ำลายที่ถ่มทิ้งแล้ว เราจะรับไปทำไม ? เราก็จะออกบวชบ้าง" ก็เลยประกาศแจกทรัพย์สมบัติให้กับคนทั้งหมด ตัวเองก็เหลือผ้านุ่งผืน ผ้าห่มผืน ถือไม้เท้าหนึ่งอัน ต่างคนต่างตั้งใจว่า "มีพระอรหันต์อยู่ที่ไหนในโลก เราขอบวชอุทิศเฉพาะพระอรหันต์องค์นั้น" แล้วก็เดินออกจากบ้านไปเรื่อย
จนกระทั่งไปถึงทางแยก พระมหากัสสปะก็บอกว่า "ดูก่อนน้องหญิง ตอนนี้เราถือเพศเป็นนักบวชแล้ว เดินตามกันแบบนี้คนจะนินทาเอาได้" พระมหากัสสปะจึงบอกให้แยกทางกันไป นางภัททกาปิลานีก็เลี้ยวซ้าย พระมหากัสสปะก็เลี้ยวขวา คราวนี้พวกเราเข้าใจหรือยังที่ว่า "ผู้หญิงต้องซ้าย ผู้ชายต้องขวา" มีที่มาจากตรงนี้เอง
คนหนึ่งไปซ้าย ในภายหลังได้พบสำนักภิกษุณี บวชก็เป็นพระอรหันต์ ส่วนพระมหากัสสปะนั้น พระพุทธเจ้าเสด็จมารับที่ใต้ต้นไทร เรียกว่าพหุปุตตนิโครธ แสดงว่าตอนนั้นลูกไทรกำลังดกมาก พหุปุตต คือ ลูกมาก นิโครธหรือนิโครธะก็คือต้นไทร พระพุทธเจ้าประทานโอวาท ๓ ข้อ ไม่เห็นบวชใหม่ให้เลย เพราะถือว่ากำลังใจท่านสละ ตัดออกเพื่อบวชแล้ว
ซึ่งความจริงกำลังใจของทั้งสองท่านอย่างน้อยต้องอยู่ระดับสกทาคามี ไม่อย่างนั้นผู้หญิงกับผู้ชายหนุ่ม ๆ สาว ๆ อยู่ด้วยกันแบบนั้นเป็นไปไม่ได้หรอกที่จะไม่ทำอะไรกันบ้าง นั่นเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด แต่พระไตรปิฎกไม่ได้กล่าวว่ากำลังใจท่านเป็นอย่างไร ไปบอกเอาตอนบวชแล้วว่าเป็นพระอรหันต์ทั้งคู่..!
เห็นหรือยังว่าเขาเป็นกันง่าย ๆ ทำไมหลายคนทำมาตั้งนานไม่เป็นอะไรสักทีเลย นี่อาตมาว่าตัวเองด้วยกระมัง..?! เดี๋ยวพวกเราทำการบวชเนกขัมมะฯ อย่างเป็นทางการกันหน่อย แล้วค่อยปฏิบัติธรรรมต่อไป
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-11-2024 เมื่อ 00:57
|