มาพูดถึงเรื่องตายทำไม ? ฟังแล้วเศร้าใจใช่ไหม ? เตือนสติให้รู้ไว้ว่าความตายอยู่แค่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้าไม่หายใจออกก็ตายแล้ว หายใจออกไม่หายใจเข้าก็ตายเหมือนกัน ในเมื่อเป็นเช่นนั้นเรายังจะมัวประมาทอยู่อีกไม่ได้
พระพุทธเจ้าตรัสว่า เราเหมือนกับอยู่บนบ้านที่ไฟกำลังไหม้ จะนอนสบายหรือเร่งหาทางหนี ? เห็นนอนสบายกันเสียเยอะ..! ส่วนพวกเราตะกายมาหาทางหนีอยู่ตรงนี้ แล้วลองคิดดู..ประชากรไทยตั้ง ๖๘ ล้านคน มาปฏิบัติธรรมวันลอยกระทงกันแค่นี้..! แต่วัดอื่นเขาบอกว่าวัดเราคนมาปฏิบัติธรรมเยอะนะ ก็เลยสงสัยว่าตกลงวัดเขานี่มีกันกี่คน ?
ในเมื่อเปรียบเทียบกันแล้วว่า เอาแค่ประเทศไทยที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองพุทธ ประชากร ๖๘ ล้านคน เราปฏิบัติธรรมกันอย่างจริง ๆ จัง ๆ หวังความหลุดพ้นกี่คน ? น้อยจนน่าท้อใจ แล้วจะท้อไปทำอะไร ?
เราท่านต้องไม่ลืมว่าพระพุทธเจ้าทรงเทศน์ บางทีท่านหวังผลแค่คนเดียว มีครั้งหนึ่งประชาชนฟังเทศน์กันอยู่เป็นร้อยเป็นพัน ท่านพูดให้เปสการีธิดาฟังอยู่คนเดียว เปสการีแปลว่าผู้กระทำการทอผ้า ก็คือช่างหูก สมัยก่อนเขาทอผ้าด้วยหูก สมัยนี้เขาเรียกว่ากี่ จะเป็นกี่เอวหรือเป็นกี่กระตุกก็ได้
เปสการีธิดาก็ไม่ประมาท ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติธรรม ถึงเวลาพระพุทธเจ้าไปเทศน์ใหม่ เจอหน้าเปสการีธิดา พระองค์ก็ทรงตรัสถาม "ดูก่อนเปสการี ดูกรธิดาช่างหูก เธอมาจากไหน ?" เปสการีธิดาทูลตอบว่า "ไม่ทราบพระเจ้าข้า" พระพุทธเจ้า "แล้วเธอจะไปไหน ?" เปสการีธิดา "ไม่ทราบพระเจ้าข้า" พระพุทธเจ้า "เธอไม่ทราบหรือ ?"เปสการีธิดา "ทราบพระเจ้าข้า" พระพุทธเจ้า "เธอทราบหรือ ?" เปสการีธิดา "ไม่ทราบพระเจ้าข้า"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-11-2024 เมื่อ 01:57
|