ดูแบบคำตอบเดียว
  #4  
เก่า 23-11-2024, 00:26
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,377
ได้ให้อนุโมทนา: 157,932
ได้รับอนุโมทนา 4,479,220 ครั้ง ใน 35,986 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เราขาดจากความเป็นพระง่ายมาก แล้วถ้าหากว่าขาดโดยต้องอาบัติปาราชิก ก็แปลว่าการปฏิบัติของเราในชาตินี้ โอกาสที่จะได้ดีแทบจะไม่มีอีกเลย เพราะว่าส่วนใหญ่แล้วกำลังใจไปหมกหมุ่นกับความผิดพลาดที่ตนเองทำความชั่วเอาไว้ ก็ทำให้เกิดวิปฏิสาร คือเดือดเนื้อร้อนใจอยู่เสมอ สภาพจิตไม่สามารถที่จะสงบได้ โอกาสที่จะไปสุคติจึงมีน้อย ดังนั้น..ไม่ว่าเราจะเคยเป็นใคร ทำหน้าที่การงานอะไร มีศักดิ์ฐานะสูงส่งแค่ไหนก็ตาม เข้ามาบวชก็ให้กองทิ้งไปเลย เริ่มต้นทำตัวเป็นพระใหม่ทันที

ถ้าเราศึกษาประวัติเจ้าศากยวงศ์และโกลิยวงศ์ที่ออกบวชพร้อมกัน ไม่ว่าจะเป็นพระอานนท์ก็ดี พระภัคคุก็ดี พระกิมพิละก็ดี ไล่ไปถึงนายอุบาลีที่เป็นช่างภูษามาลา ปรากฏว่าบรรดาเจ้าศากยะสำนึกตนว่ามีมานะกษัตริย์หนักมาก คราวนี้การบวช ใครบวชก่อนถือว่าเป็นพี่ จึงให้นายอุบาลี ผู้เป็นช่างภูษามาลา ก็คือช่างตัดผมบวชก่อน จะได้เป็นพี่ให้ตนไหว้ได้ เท่ากับว่าเป็นการลดมานะไปในตัว

ก็เพราะว่าความมานะถือตัวถือตนนี่แหละ ที่ทำให้ศากยวงศ์ โดนเจ้าชายวิฑูฑภะกวาดล้างจนแทบไม่เหลืออะไรเลย ส่วนที่หนีรอดไปก็เป็นท้าย ๆ ของเชื้อสายแล้ว ไม่ใช่ต้นสายที่มีความเข้มข้นในสายเลือดสูงมาก

ดังนั้น..ถ้าหากว่าท่านไปประเทศเนปาล เจอญาติโยมมารายงานตัวแล้วบอกว่านามสกุลศากยะ นั่นก็คือบรรดาท่านที่หนีสงครามไป แม้แต่บ้านเรา ท่านเจ้าคุณพระพรหมศากยวงศ์วิสุทธิ์, ดร. (อนิลมาน ธมฺมสากิโย) หรือท่านเจ้าคุณอนิลมาน นั่นก็มาจากศากยะสกุล เขามานะถือตัวถือตนจนกระทั่งล่มชาติล่มแผ่นดินกันมาแล้ว..!

ถ้าพวกเราทั้งหลายแบกมานะเข้ามาในความเป็นนักบวชของเรา ก็อาจจะทำให้เราเสียหาย สูญไปจากความดี จึงเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังเป็นอย่างสูง อะไรที่เป็นพุทธบัญญัติ ปฏิบัติเอาไว้เถิด มีแต่จะเกิดผลดีแก่ตัวเรา เนื่องเพราะว่าชีวิตนักบวชนั้นเป็นอีกรูปแบบหนึ่งของการดำเนินชีวิตที่เราไม่คุ้นเคย ถ้าไม่ศึกษาให้ดี โอกาสพลาดจะมีสูงมาก โดยเฉพาะญาติโยมฝ่ายฆราวาส หลายต่อหลายท่านตำแหน่งหน้าที่ใหญ่โตมาก แต่พอเข้ามาประพฤติปฏิบัติธรรม สามารถที่จะลดตัวลงมาคบค้าสมาคมกับคนอื่นได้แบบไม่ถือตัว นั่นถือว่าท่านวางตัวโดยถูกต้อง

แต่ในขณะเดียวกัน ก็ยังมีอีกเป็นจำนวนมากที่แบกมานะไว้อย่างเต็มที่เลย กระผม/อาตมภาพไปเจอในสายอื่น ๆ ของพรรคพวกเพื่อนฝูง ถึงเวลาเดินทางก็มีการตั้งแง่กระทบกระทั่งกันตลอด ประมาณว่าฝ่ายตนไฮโซ ฝ่ายคุณโลโซ อย่าเสนอหน้ามาคบหากับฉัน ขนาดเรียกป้านี่ตวาดใส่เลยว่า "เธอเป็นญาติเป็นโยมอะไรกับฉัน ถึงบังอาจมาเรียกป้า..!" กระผม/อาตมภาพเจอมาเองแล้ว ถ้าหากว่าแบกมาในลักษณะอย่างนั้น โอกาสที่จะเอาดีจะยากมาก

แต่คราวนี้ในเรื่องของฆราวาสนั้นยกให้เขา เพราะในฐานะปุถุชนต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว ในฐานะนักบวช ไม่ว่าพระภิกษุ สามเณร หรือว่าแม่ชีต่างหาก ที่เราอยู่ในฐานะของปูชนียบุคคล คนอื่นเขาให้ความเคารพ แล้วเราอย่าทำตัวเคยชิน ต้องนึกถึงคำที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสกับพระโมคัลลานะว่า "จงอย่าชูงวงเข้าไปในสกุล" ก็คืออย่าแบกกิเลสนำหน้าไป ให้ทำตัวเป็นผู้ใหม่อยู่เสมอ ไม่เช่นนั้นแล้วสิ่งที่เราทำก็มีแต่จะย้อนกลับมาทำร้าย หรือว่าทำลายตัวของเราเอง

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันศุกร์ที่ ๒๒ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-11-2024 เมื่อ 02:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา