คราวนี้ในเมื่อคนเราโดยธรรมชาติแล้ว เคารพในสิ่งที่ลึกลับ ยิ่งใหญ่ เข้าถึงได้ยาก บ้านเราก็เลยถือศาสนาผีมาก่อน แล้วก็มาถือพุทธ มาถือพราหมณ์
คราวนี้พอนานไปศาสนาพุทธมีสัจธรรมคือหลักการปฏิบัติที่เป็นไปตามกำลังใจของคน ก็คือท่านสอนว่า
ให้เว้นจากการฆ่าสัตว์..พูดง่าย ๆ ก็คือเราไม่อยากให้คนอื่นฆ่าเรา เราก็อย่าไปฆ่าคนอื่น
เว้นจากการลักทรัพย์..เราไม่อยากให้คนอื่นมาลักขโมยเรา เราก็อย่าไปลักขโมยคนอื่น
เว้นจากการประพฤติผิดในกาม เว้นจากการโกหก เว้นจากการดื่มสุราเมรัย..ก็โดยนัยยะเดียวกัน
ในเมื่อมนุษย์เรามีตรรกะคือความสามารถในการคิดตรอง หาเหตุหาผลได้ เห็นว่าศาสนาพุทธมีเหตุผล สมควรแก่การเชื่อถือ ก็น้อมเอามาเป็นหลักยึดประจำใจของตนเอง จึงทำให้ศาสนาพุทธของเราเด่นขึ้นมา
แต่อย่าลืมว่าผีและพราหมณ์แฝงมาอยู่เป็นร้อยเป็นพันปีแล้ว ไม่สามารถที่จะละทิ้งไปได้ทั้งหมด แม้กระทั่งสมัยที่หลวงปู่มั่น หลวงปู่ตื้อ ไปเผยแผ่ศาสนาในป่าในดงทางด้านภาคเหนือของเรา ต่อไปสิบสองปันนา ต่อไปประเทศลาว ประเทศจีนก็เหมือนกัน ถึงขนาดต้องเอารูปพระพุทธเจ้าไปบอกเขาว่า "นี่เป็นหัวหน้าผีที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ถ้านับถือหัวหน้าผีแล้ว ผีเล็กผีน้อยจะไม่กล้าเบียดเบียนอีก" ก็คือต้องปรับเข้ากับความเชื่อเดิม ๆ ของเขาที่ฝั่งรากลึกมานานมาก
เขาถามว่า "ถ้านับถือหัวหน้าผีแล้วต้องทำอะไร ?" ท่านบอกไปว่า "ให้ภาวนาพุทโธ ถ้าภาวนาพุทโธแล้วหัวหน้าผีชอบใจ ก็จะช่วยรักษาให้อยู่เย็นเป็นสุข" ก็เป็นวิธีเผยแผ่ที่ต้องเรียกว่าปรับให้เข้ากับความเข้าใจของพวกเขา ถ้าพูดมากกว่านั้นเขาก็ไม่เข้าใจ
เห็นพระเดินจงกรม พวกข่าก็มาถามว่า "เดินหาอะไร ?" ท่านก็บอกว่า "เดินหาดวงแก้ววิเศษ" เขาถามว่า "ดวงแก้ววิเศษคืออะไร ?" ท่านบอกไปว่า "คือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เดินภาวนา พุทโธ..ธัมโม..สังโฆ พุทโธ..ธัมโม..สังโฆ ถ้าความเพียรพยายามทำได้ถูกต้อง ทำได้ตรงทาง ก็จะพบกับดวงแก้ววิเศษที่พาให้ทุกคนมีความสุขความเจริญทั้งชาตินี้และชาติหน้า"
ก็ทำให้พวกข่าเขาหัดเดินจงกรมภาวนา ทั้ง ๆ ที่เขาก็ไม่รู้หรอกว่านี่คือการเดินจงกรม เขาเดินหาแก้ววิเศษ เดี๋ยวพวกเราก็เดินหากันบ้างนะ..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-11-2024 เมื่อ 15:38
|