วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๑๙ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ เป็นการสอบธรรมสนามหลวง ระดับนักธรรมชั้นโทและนักธรรมชั้นเอก ประจำปี ๒๕๖๗ วันที่สาม
การสอบนักธรรมนั้น ถ้าหากว่าตั้งแต่ดั้งเดิมมา นักธรรมชั้นตรีเป็นเครื่องคุ้มตัวของผู้ที่เข้ามาอุปสมบท ก็คือทำให้พระใหม่รู้ว่าพระวินัยคือศีลของพระทั้ง ๒๒๗ ข้อนั้นมีอะไรบ้าง จะได้ประพฤติปฏิบัติได้ถูกต้อง
ต่อมาในระดับนักธรรมชั้นโทนั้นเป็นการสอบของบุคคลที่อยู่ในระดับ "คู่สวด" ก็คือพร้อมที่จะเป็นอาจารย์พี่เลี้ยงให้กับพระใหม่ ซึ่งสมัยก่อนนั้นกำหนดว่าต้องพรรษาพ้น ๕ ไปแล้ว การสอบนั้นก็จะมีให้เขียนคำสวดอนุสาวนาต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการสวดนาค การสวดกฐิน เหล่านี้เป็นต้น
ครั้นไปถึงระดับนักธรรมชั้นเอกนั้น เป็นภูมิรู้ของบุคคลที่จะต้องเป็นพระอุปัชฌาย์ เนื่องเพราะว่ามีทั้งเรื่องของสีมา ก็คือหลักการสมมติเขตเพื่อทำสังฆกรรม เรื่องของ สมบัติ วิบัติ ต่าง ๆ ที่ทำให้กุลบุตรผู้นั้นบวชได้หรือว่าไม่ได้ แล้วก็ยังมีวิชาธรรมวิจารณ์ เพื่อให้มีความแตกฉานลึกซึ้งในข้อธรรมต่าง ๆ จะได้เอาไว้ประยุกต์ใช้ในการสั่งสอนญาติโยมทั้งหลาย
แม้ว่าในปัจจุบันนี้ ความสำคัญของนักธรรมดูเหมือนจะลดน้อยถอยลง สมัยที่กระผม/อาตมภาพจบนักธรรมชั้นเอกนั้น ยุคนั้นยังสามารถที่จะเดินยืดได้ทั่วประเทศด้วยความภาคภูมิใจ ต่อมาก็จำเป็นที่จะต้องมีมหาเปรียญอย่างน้อยสัก ๓ - ๔ ประโยคกำกับต่อท้ายไปถึงจะศักดิ์สิทธิ์ ในยุคปัจจุบันนี้ก็ต้องมีพุทธศาสตรบัณฑิตบ้าง พุทธศาสตรมหาบัณฑิตบ้าง พุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิตบ้าง ต่อท้ายเข้าไปอีก
แสดงว่าในเรื่องของความรู้นั้น ไม่ว่าจะทั้งทางโลกและทางธรรม พระภิกษุสามเณรของเรามีการศึกษาก้าวหน้าขึ้นไปเรื่อย ๆ แต่ด้วยเหตุที่ว่าการศึกษานั้นเป็นเพียงแผนที่ ก็คือเป็นเพียงการปริยัติ ศึกษาความรู้เฉย ๆ ไม่ได้นำมาปฏิบัติเสียส่วนใหญ่ จึงไม่บังเกิดผลคือปฏิเวธ ให้ญาติโยมทั้งหลายได้ชื่นใจ จึงมีสารพัดเรื่องราวต่าง ๆ เกิดขึ้นทั่วไปหมด
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-11-2024 เมื่อ 01:26
|