ก็คือบุคคลที่ปฏิบัติไปจนกระทั่งมีเป้าหมายชัดเจนแล้วไซร้ ก็จะตัดสิ่งรุงรังรอบข้างออกไปจนหมด ทำอะไรก็จะทำเร็วกว่าคนอื่นเขา และเป็นความเร็วที่ไม่ผิดพลาดด้วย เพราะว่าไม่ขาดสติ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ จึงเป็นเรื่องที่นักปฏิบัติธรรมทุกท่านควรที่จะตระหนักเอาไว้ ไม่ใช่ว่ายิ่งทำอะไรก็เชื่องช้าอืดอาดอยู่ตลอดเวลา ถ้าอย่างนั้นถือว่ายังไม่สามารถใช้ผลของการปฏิบัติธรรมอย่างแท้จริงได้
โดยเฉพาะพระภิกษุและญาติโยมส่วนหนึ่งที่มาฝากชีวิตไว้กับเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน อย่างเช่นตั้งเป้าเอาไว้ว่า "เราทำผิดศีลแบบนี้ ไม่ทราบเหมือนกันว่าต้องอาบัติปาราชิก หรือว่าอาบัติสังฆาทิเสสหรือเปล่า ? ขอให้หลวงพ่อช่วยตักเตือนบอกกล่าวด้วย" ถ้าเอ็งพูดออกจากปากก็จบไปแล้ว แต่เอ็งดันอธิษฐานในใจ แล้วเรื่องอะไรที่ครูบาอาจารย์จะไปเดือดร้อนกับการกระทำที่เอ็งรู้อยู่แก่ใจด้วย..?!
อีกพวกหนึ่งก็ญาติโยมทั้งหลายที่ได้ยินชื่อเสียงเกียรติคุณของเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน ก็อธิษฐานมาว่า "ถ้าหลวงพ่อวัดท่าขนุนเก่งจริง ถ้าพระอาจารย์เก่งจริง กระผมหรือว่าดิฉัน หรือว่าหนู คิดอะไรอยู่ในใจต้องพูดออกมาได้ สิ่งหนึ่งประการใดที่ทำอยู่จะดีจะร้าย จะติดขัดอย่างไร ก็ขอให้หลวงพ่อช่วยทักออกมาด้วย"
ลักษณะแบบนี้ กระผม/อาตมภาพ "เมินใส่" มาเสียเยอะแล้ว บางทีก็ไล่เตลิดเปิดเปิงกลับบ้านไปเลย ประมาณว่า ใจกูมีความชั่วเท่าไรก็ตามดูไม่ทันอยู่แล้ว ยังต้องเสียเวลาไปตามดูใจคนอื่นอีก ในเมื่อเป็นเช่นนั้นหลายท่านที่คิดจะฝากชีวิตเอาไว้กับเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน ก็ต้องผิดหวังไปเป็นอย่างมาก พูดง่าย ๆ ว่าท่านไม่เล่นด้วยไม่พอ ยังอาจจะไล่เราไปเล่นไกล ๆ ที่อื่นอีกต่างหาก..!
เมื่อถึงเวลาทำการสมาทานพระกรรมฐาน และมอบหมายให้พระวิปัสสนาจารย์นำการปฏิบัติในบัลลังก์สุดท้ายของการปฏิบัติธรรมงวดนี้ กระผม/อาตมภาพก็เดินทางไปยังวัดไชยชุมพลชนะสงคราม (พระอารามหลวง) ซึ่งเป็นสนามในการสอบนักธรรมชั้นโทและชั้นเอก สนามที่ ๑ ของคณะสงฆ์จังหวัดกาญจนบุรี ไปถึงก็ปรากฏว่าพระภิกษุสามเณรผู้เข้าสอบนักธรรมชั้นโทชั้นเอกเดินกันเต็มวัดอยู่แล้ว
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-11-2024 เมื่อ 03:13
|