ครั้นเมื่อทอดกฐินเสร็จสรรพเรียบร้อยก็รอเวลาไปฉันเพลด้วยกัน แล้วช่วงบ่ายกระผม/อาตมภาพจึงมานำญาติโยมทั้งหลาย บวชเนกขัมมะปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติรุ่นที่ ๘/๒๕๖๗ อย่างเป็นทางการ ก็คือเพิ่งจะมีเวลามาทำพิธีบวชรับศีล ๘ กันตอนนี้เอง ครั้นสมาทานกรรมฐานเรียบร้อยแล้ว ก็มอบให้พระวิปัสสนาจารย์ท่านดูแล ส่วนที่เหลือก็ไปลงอุโบสถทบทวนพระปาฏิโมกข์
ครั้นออกจากอุโบสถมา ก็ไปร่วมกันวางผางประทีป ๑๐,๐๐๐ ดวง เพื่อตามถวายเป็นพุทธบูชา ปรากฏว่าในระหว่างวันได้มีฝนกระหน่ำลงมาอย่างหนัก ทำให้ลายเส้นต่าง ๆ ที่วาดเอาไว้ด้วยชอล์คหายหมด..! ต้องมาลากเส้นกับแบบฉุกเฉิน แล้วก็วางผางประทีปไปแก้ไขไป ทำให้งานที่ออกมาล่าช้าไปนิดหนึ่ง
ปกติ ๕ โมงครึ่งก็ตามประทีปได้แล้ว แต่ว่าวันนี้รอจนกระทั่งประมาณ ๖ โมงเย็น ถึงจะเริ่มตามประทีปได้ แต่ก็เป็นการดีตรงที่ว่ายิ่งตามประทีปช้าเท่าไร โอกาสที่ประทีปจะอยู่ได้นานก็มีมากขึ้นเท่านั้น วันนี้เมื่อเป็นวันงานตามประทีป ๑๐,๐๐๐ ดวง พวกเราก็เลยมีการทำวัตรค่ำกันเพียงรอบเดียวเท่านั้น
ในวันนี้ก็ขอกล่าวถึงเรื่องอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นในคณะสงฆ์ของเรา ในกลุ่มไลน์เขาส่งเอกสารที่หลวงพ่อเจ้าอาวาสวัดสามชุก ต้นสังกัดของ "พระปีนเสา" ได้มีคำสั่งขับท่านออกจากวัด เหตุเพราะว่าดื้อด้าน ไม่ยอมกลับวัดตามที่ทางคณะสงฆ์สั่งเอาไว้ ต่อให้กลับไปก็กลับไปแค่ไม่กี่นาที ถ่ายคลิปถ่ายรูปให้ดูว่ากลับแล้ว หลังจากนั้นก็ทำตัวหายสาบสูญจากวัดไปอีก
ก่อนหน้านี้ที่อ่านพระไตรปิฎก กระผม/อาตมภาพก็นึกไม่ออกเกี่ยวกับคำพูดอยู่ ๒ คำ ก็คือ "ทุมมังกุบุคคล" หรือ "บุคคลผู้เก้อยาก" ซึ่งถ้าแปลเป็นภาษาไทยตรง ๆ ก็คือ "ไอ้พวกหน้าด้านหน้าทน" อีกคำหนึ่งก็คำว่า "ปทปรมะ" ที่แปลว่า "ผู้มากด้วยบทบาท" ทั้ง ๒ คำนี้ไม่ทราบว่าเป็นอย่างไร
แต่ในปัจจุบันนี้ เมื่อมาเจอบุคคลผู้หนึ่ง ซึ่งทำตัวเหมือนกับเป็นพระป่วย ถึงขนาดต้องปิดตาข้างหนึ่ง ใช้ไม้เท้าช่วยเดินลากขาไปลักษณะแบบเจ็บไข้ได้ป่วยสาหัสมาก เพื่อเรียกร้องความเห็นใจจากญาติโยม จะได้บริจาคปัจจัยให้กับท่านไปรักษาตัว
เมื่อคณะสงฆ์เห็นท่านทำแบบนี้บ่อย ๆ ก็มีคำสั่งให้สึกเสีย ท่านเองก็ทั้งถกเถียง ทั้งด่าว่า จนกระทั่งท้ายสุดไม่สามารถที่จะต่อต้านได้ก็ยอมสึกหาลาเพศ แต่รุ่งขึ้นท่านก็ใส่ชุดขาวมาเดินลากขาบิณฑบาตอีก ทั้ง ๆ ที่ตอนตำรวจและพระวินยาธิการไปจับ ท่านก็เดินปกติทุกอย่าง จึงได้เข้าใจว่าคำว่า "ทุมมังกุบุคคล" หรือ "ไอ้พวกหน้าด้านหน้าทน" นั้นเป็นอย่างนี้เอง ก็คือหน้าด้านหน้าทน ไม่ได้รู้สึกหวั่นไหวอะไรกับเรื่องของกฎหมายบ้านเมืองหรือศีลธรรมเลย..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-11-2024 เมื่อ 02:33
|