แต่ถ้าท่านทั้งหลายต้องการการหลุดพ้นอย่างแท้จริง ตั้งแต่ระดับพระสกทาคามี พระอนาคามี และพระอรหันต์นั้น ท่านจะต้องทรงอัปปนาสมาธิระดับจตุตถฌาน หรือว่าฌาน ๔ อย่างละเอียด และมีความคล่องตัวที่สามารถเข้าฌานได้ทุกเวลา
แล้วอาศัยกำลังฌานนี้เป็นบาทฐานในการระงับ รัก โลภ โกรธ หลง ให้ดับสนิทลงชั่วคราว สภาพจิตจะได้มีความผ่องใส ทำให้ดวงปัญญาก่อเกิดขึ้นมา เห็นช่องทางว่าทำอย่างไรที่ท่านจะพ้นจากกองทุกข์ นั่นก็คือระงับความยินดีและพอใจทั้งในร่างกายของตนเอง ในร่างกายของคนอื่น ในร่างกายของสัตว์อื่น และในสรรพสิ่งทั้งปวง เนื่องเพราะว่าทันทีที่ท่านยินดีและพอใจ ความอยากมีอยากได้ก็จะเกิดขึ้น เท่ากับเป็นการสร้างชาติสร้างภพต่อไปไม่รู้จบ
เมื่อท่านสามารถระงับความยินดีและพอใจในเบื้องต้นได้แล้ว ก็ยกเอาข้อธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าขึ้นมาพิจารณา ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ร่างกายของเรานี้ก็ดี ร่างกายของบุคคลอื่นก็ดี ร่างกายของสัตว์อื่นก็ดี สรรพวัตถุธาตุทั้งปวงก็ดี มีความเกิดขึ้นในเบื้องต้น มีความเปลี่ยนแปลงในท่ามกลาง และสลายตัวไปในที่สุด ไม่มีอะไรให้ยึดถือมั่นหมายเป็นตัวตนเราเขาได้ ทันทีที่เราไปยึดไปเกาะก็สร้างทุกข์สร้างโทษให้กับเราชาติแล้วชาติเล่า ไม่สามารถที่จะระงับยับยั้งให้หยุดลงได้
เมื่อท่านทั้งหลายเห็นอย่างชัดเจนแบบนี้ ถ้าศีล สมาธิ และปัญญาของท่านพอเพียง ก็จะทำให้ท่านทั้งหลายเกิดความเบื่อหน่าย คลายกำหนัด ถอนจิตจากการยึดมั่นถือมั่นในสิ่งทั้งปวงออกมา ถอนได้มาก ท่านก็เข้าสู่ความเป็นพระอริยเจ้าระดับสูง ถอนได้น้อย ท่านก็เข้าสู่ความเป็นพระอริยเจ้าระดับต่ำ ถ้าถอนได้ทั้งหมด ท่านก็จะหลุดพ้นจากกองทุกข์ทั้งปวงเข้าสู่พระนิพพาน
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-11-2024 เมื่อ 02:59
|