กระผม/อาตมภาพจึงไม่คิดที่จะเรียน เพราะมั่นอกมั่นใจว่า ผีหรือ พรหม เทวดา นั้นมีจริง พระนิพพานนั้นมีจริง เนื่องเพราะว่าได้รับการฝึกฝนมโนมยิทธิมาตั้งแต่ก่อนอายุจะครบ ๒๐ ปี กว่าที่จะไปบวชตอนอายุ ๒๗ ปีก็เป็นระยะเวลาที่ยาวนานมาก เมื่อมั่นใจขนาดนั้นแล้ว ตอบไปแบบที่ถูกต้องกลายเป็นสอบตก กระผม/อาตมภาพจึงไม่คิดจะสอบ
แต่พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ เมตตาบอกว่า "แกไปสอบเสียหน่อย เพราะว่านักปริยัติเขามักจะมองว่าพระนักปฏิบัตินั้นโง่ เรียนมาน้อย แกไปเรียนให้พวกเขารู้ว่าแกเก่งกว่า..!" กระผม/อาตมภาพจึงต้องไปสอบถามรุ่นพี่ ๆ ที่เรียนผ่านไปแล้วว่า "การเรียนนักธรรมชั้นตรีนั้นต้องใช้หนังสือเล่มไหนบ้าง ? และที่ไหนมีหนังสือให้ขอยืมได้บ้าง ?"
เมื่อได้รับการแนะนำว่ามีการเรียนวิชาเรียงความแก้กระทู้ธรรม ๑ วิชาธรรมวิภาค ๑ วิชาพุทธประวัติและศาสนพิธี ๑ และวิชาพระวินัยบัญญัติ ๑ ก็ไปค้นหนังสือหรือว่าตำราที่ตึกกองทุนชั้นล่าง ซึ่งรุ่นเก่า ๆ ท่านเคยซื้อหาเอาไว้ เอามาอ่านเอง ทำความเข้าใจด้วยตนเอง แล้วแจ้งทางคณะกรรมการสงฆ์ว่า ช่วยส่งรายชื่อเข้าสอบให้ด้วย ไม่เช่นนั้นแล้วเราก็จะไม่มีสิทธิ์เข้าสอบ ครั้นถึงเวลาก็ต้องนั่งรถสองแถวเข้าไปสอบเอง ต้องไปแจ้งเขาว่าอยู่วัดไหน ? ชื่อฉายาว่าอะไร ? ซึ่งเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะยุ่งยาก เพราะว่าไม่ได้รับคำแนะนำอะไรเลย นอกจากเปะปะไต่ถามเขาไปเรื่อย
เมื่อขึ้นมาเป็นรุ่นพี่ จึงได้อาสานำรุ่นน้องไปสอบ อาสาให้คำแนะนำรุ่นน้องว่า การสอบนั้นแนวทางการออกข้อสอบมีอย่างไรบ้าง ด้วยความที่ตนเองไม่ได้รับคำแนะนำมา เนื่องเพราะว่าทางวัดท่าซุงนั้นเป็นวัดสายปฏิบัติจริง ๆ ไม่สนใจเรื่องการเรียนเลย แม้แต่หลวงพ่อเจ้าคุณอนันต์ในยุคนั้น ท่านก็เรียนจบแค่นักธรรมชั้นโทเท่านั้น..!
ในเมื่อเป็นเช่นนั้น กระผม/อาตมภาพที่มีความสงสารรุ่นน้อง ๆ จึงได้นำเขาทั้งหลายเหล่านั้นไปสอบ ให้คำแนะนำว่าจะต้องประพฤติปฏิบัติอย่างไร มีแนวทางในการทำข้อสอบอย่างไรบ้าง เมื่อมาเป็นเจ้าอาวาส จึงได้ประพฤติปฏิบัติต่อผู้ใต้บังคับบัญชาของตน ด้วยการไปสนับสนุนให้กำลังใจ ถวายเบี้ยเลี้ยงให้ท่านไว้มีค่าใช้จ่ายในช่วงเข้ารับการอบรม ๑๐ วัน โดยที่ไม่ต้องควักกระเป๋าของตนเอง
กระผม/อาตมภาพคิดว่า การที่ตนเองกระทำเช่นนี้ อย่างน้อย ๆ พระลูกวัดก็จะได้มีกำลังใจในการสอบ เนื่องเพราะว่าสำนักศาสนศึกษาวัดท่าขนุนแผนกธรรมนั้น ตลอดระยะเวลา ๑๖ ปีที่กระผม/อาตมภาพเป็นเจ้าอาวาสมา แทบจะไม่มีพระภิกษุสามเณรรูปใดสอบตกเลย ยกเว้นบางท่านที่เก่งเกินไปจึงมีการเรียนซ้ำชั้นบ้าง..!
ส่วนสำนักศาสนศึกษาวัดท่าขนุนแผนกบาลีนั้นก็สร้างชื่อเสียงขึ้นมาเคียงคู่กับสำนักเก่า ๆ อย่างที่เขาเรียกกันติดปากว่า "บาลีต้องวัดเหนือ วัดใต้ วัดทุ่งมะสัง วัดพังตรุ" เหล่านี้เป็นต้น ในเมื่อไม่กี่ปี เราสามารถสร้างชื่อเสียงขึ้นมาเทียบเคียงกับวัดใหญ่ ๆ เขาได้ ท่านทั้งหลายก็ต้องเข้าใจว่า นอกจากความรู้ความสามารถเฉพาะตนของผู้เข้าเรียนแล้ว ผู้เป็นเจ้าสำนักศาสนศึกษาก็ดี ครูบาอาจารย์ก็ตาม ยังต้องมีแนวทางการประพฤติปฏิบัติ ที่เป็นการส่งเสริมกำลังใจให้กับผู้ใต้บังคับบัญชาด้วย หลายอย่างนี้ต้องมารวมกัน ความสำเร็จจึงจะเกิดขึ้นได้อย่างแท้จริง
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันเสาร์ที่ ๙ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-11-2024 เมื่อ 04:13
|