สำหรับวันนี้ ภารกิจสำคัญไม่ใช่งาน "วันเสาร์ใส่บาตรตลาดริมแคว ยลวิถีเมืองท่าขนุน" เนื่องเพราะว่านั่นเป็นเพียงองค์ประกอบเท่านั้น แต่กระนั้นก็ต้องใช้คำพูดแบบค่อนข้างจะดุ เพื่อตักเตือนให้บรรดา "มเหสักโข" ทั้งหลาย ที่ยิ่งใหญ่จนเคยตัว ให้กรุณาถอดรองเท้าก่อนที่จะใส่บาตรด้วย
ท่านทั้งหลายเหล่านี้อยากจะทำบุญกับพระสงฆ์ที่มีความเคร่งครัดในพระธรรมวินัย แต่ตนเองกลับไม่มีความเคร่งครัดในการประพฤติปฏิบัติต่อพระสงฆ์เอาเสียเลย ขนาดเตือนครั้งแรกแล้วก็ยังทำไม่รู้ไม่ชี้ จนกระทั่งมีการเตือนในครั้งที่สอง ต้องบอกว่าท่านให้ลูกน้องทำการถ่ายรูปเอาไว้ ก็เท่ากับว่าท่านกำลังประจานตัวเอง..!
กระทั่งวัฒนธรรมในการถอดรองเท้าใส่บาตร ที่โบราณเขาแนะนำต่อ ๆ กันมา แสดงให้เห็นซึ่งกำลังใจที่ละเอียด ไม่ต้องการที่จะปรามาสพระรัตนตรัย ไม่ต้องการที่จะรับโทษเช่นเดียวกับพระเจ้าพิมพิสาร ท่านเองทั้ง ๆ ที่อายุมากขนาดนั้นกลับไม่รู้ หรือว่ารู้ก็ทำเป็นไม่ทราบ เป็นความมักง่ายอย่างเห็นได้ชัด..! เมื่อเขาถ่ายวีดีโอหรือว่าถ่ายรูปไปก็กลายเป็นหลักฐานประจานตนอย่างชัดเจน เมื่อกล่าวถึงขนาดนั้น ท่านทั้งหลายจึงถอดรองเท้าแบบเสียไม่ได้..!
กระผม/อาตมภาพไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมพุทธศาสนิกชนก็ดี ประชาชนคนไทยก็ดี ตั้งข้อเรียกร้องกับพระภิกษุสามเณรเอาไว้สูงมาก แต่ว่าตนเองกลับประพฤติปฏิบัติไปในทางตรงกันข้าม ถ้าหากว่าท่านเข้ามาอุปถัมภ์ค้ำจุน ทนุบำรุงพระพุทธศาสนา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรคอย่างเต็มที่ ถ้าแบบนี้ ท่านถึงจะมีสิทธิ์ที่จะเรียกร้องว่า พระภิกษุสามเณรต้องปฏิบัติแบบนั้น ต้องปฏิบัติแบบนี้
แต่นี่ท่านเองเข้ามาทำแบบเสียไม่ได้ แค่การใส่บาตรเพื่อให้พระภิกษุสามเณรมีอาหารไว้ขบฉัน ท่านก็ยังกระทำไปในสภาพที่จิตหยาบถึงขนาดนั้น แล้วคิดว่าลูกของท่าน หลานของท่าน จะมิหยาบหนักขึ้นไปหลายเท่าหรือ ? เนื่องเพราะว่ามีตัวอย่างก็คือพ่อแม่ ปู่ย่าตายายทำให้เห็นแบบนั้น
หลังจากที่ฉันเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว กระผม/อาตมภาพก็เดินทางไปยังวัดไชยชุมพลชนะสงคราม (พระอารามหลวง) ตำบลบ้านใต้ อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อเข้าเยี่ยมห้องอบรมนักธรรมชั้นโทและชั้นเอกก่อนสอบ ของจังหวัดกาญจนบุรี สนามที่ ๑ ซึ่งเป็นภารกิจหลักของวันนี้ เมื่อไปถึงก็ได้ช่วยบรรยายถวายความรู้ให้กับท่านที่เข้ารับการอบรมเป็นพิเศษ
ส่วนนี้บางท่านคิดว่า "ทำไมกระผม/อาตมภาพต้องเดินทางมาด้วย ในเมื่อภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาก็คือ การเป็นเจ้าภาพถวายภัตตาหารเพลแก่ผู้เข้ารับการอบรม ซึ่งผ่านไปเมื่อวานนี้แล้ว ?" ในส่วนนี้ต้องบอกว่าเป็นความคิดและแนวทางปฏิบัติส่วนตัว ก็คือพระวิทยากรก็ดี พระผู้เป็นกองตรวจข้อสอบก็ดี ตลอดจนกระทั่งพระผู้เข้ารับการอบรมนักธรรมชั้นโทและชั้นเอกก็ดี ย่อมต้องการความใส่ใจจากผู้บังคับบัญชาใกล้ชิด โดยเฉพาะเจ้าอาวาสของตน
เนื่องเพราะว่าในสมัยที่กระผม/อาตมภาพยังอยู่ที่วัดท่าซุงนั้น เมื่อรุ่นพี่ท่านถามว่า "จะเรียนนักธรรมหรือไม่ ? จะได้ส่งชื่อให้" กระผม/อาตมภาพก็ไม่คิดที่จะเรียน เนื่องเพราะทราบมาแต่แรกว่า การเรียนนักธรรมนั้น แค่นักธรรมชั้นตรีก็ปฏิเสธการมีของพรหมของเทวดาแล้ว..!
ตัวอย่างก็คือคำถามที่ว่า "ฆฏิการพรหมเป็นใคร ?" ถ้าเราไปตอบว่า "เป็นท้าวมหาพรหมผู้เลื่อมใสการออกมหาภิเนษกรมณ์ของเจ้าชายสิทธัตถะ จึงได้นำบริขาร ๘ มาถวาย" ถ้าอย่างนี้เข้าให้ท่านตกเลย..! หากแต่เขาให้ตอบในลักษณะที่ว่า "พรหมเป็นคุณสมบัติของบุคคลผู้ทรงฌานสมาบัติ อาจจะมีศาสดาเจ้าลัทธิใดเจ้าลัทธิหนึ่ง ที่สามารถทรงฌานสมาบัติได้ รู้ถึงการเสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์ของเจ้าชายสิทธัตถะ จึงได้นำบริขารมาถวาย"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-11-2024 เมื่อ 04:07
|