ดูแบบคำตอบเดียว
  #4  
เก่า 09-11-2024, 00:56
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,377
ได้ให้อนุโมทนา: 157,932
ได้รับอนุโมทนา 4,479,220 ครั้ง ใน 35,986 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เรื่องของการเสกวัตถุมงคลนั้นจะต้องมีการตั้งธาตุ ปลุกธาตุ ใส่อาการ ๓๒ เพราะเขาเชื่อว่าทำให้วัตถุมงคลนั้นเหมือนกับมีชีวิต แล้วบางแห่งพระมหานาคท่านก็ยังสวดญัติอีก เหมือนอย่างกับสวดนาคนี่แหละ เพียงแต่ท่านใช้คำว่า "พุทธรูปานิจะ สังฆรูปานิจะ วัตถุมังคะลานิจะ" ไม่ได้ใช้ชื่อของนาคแบบพวกเรา ก็แล้วแต่ความเชื่อมั่นของใครของมัน

แต่ว่าถ้าพวกเราซักซ้อมกำลังใจเอาไว้เสมอ สิ่งที่เราจะได้มากที่สุดก็คือ ใกล้ชิดกับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วก็ยึดพระองค์ท่านเป็นหลัก อย่างที่กระผม/อาตมภาพสละสมเด็จองค์ปฐม
วัดท่าซุง รุ่น ๒ เลี่ยมทองประดับเพชร ถวายบูชาพระบรมสารีริกธาตุเขี้ยวแก้วไป มีคนถามว่า "ใจถึงขนาดนั้นเลยหรือ ของใช้ติดตัวมานานขนาดนี้ ?" ก็เลยตอบไปว่า "เคยมีของที่ใช้ติดตัวมานานกว่านี้ แต่ก็สละไปแล้ว..!"

เนื่องเพราะว่าวัตถุมงคลเป็นเครื่องโยงใจให้เรานึกถึงพระ นึกถึงความดี ถ้าเราสามารถนึกถึงพระ นึกถึงความดีได้ ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องพกวัตถุมงคล แต่เมื่อพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านเห็น ท่านก็เมตตาตักเตือน ท่านบอกว่า "แกมีโอกาสเผลอได้ แต่วัตถุมงคล ถึงเวลาพระท่านขอให้พรหมเทวดาช่วยสงเคราะห์ พรหมเทวดาท่านมีความเป็นทิพย์ ท่านไม่เผลอ" ตอนที่เราใช้แค่กำลังตัวเอง ถ้าเผลอปล่อยให้วาระกรรมแทรกเข้ามา ก็อาจจะเจออะไรหนัก ๆ เข้าไปได้..!

แล้วท่านก็ยกตัวอย่างหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ว่าแค่ถอดอังสะที่ใส่วัตถุมงคลแขวนไว้กับประตูห้องน้ำ เพื่อที่จะสรงน้ำเท่านั้น โดนเขา "บังฟัน" ล้มทั้งยืน..! ถ้าไม่ได้ "ก๋งจาบ" มาช่วยรักษาให้ก็มีหวังมรณภาพตอนนั้นเลย..! แล้วท่านก็ถามว่า "แกคิดว่าแกเก่งกว่าหลวงพ่อปานหรือ ?" กระผม/อาตมภาพก็เลยเริ่มพกวัตถุมงคลตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แล้วด้วยความที่ไม่มั่นใจว่า อย่างไรเราก็เก่งสู้หลวงปู่หลวงพ่อไม่ได้ ก็เลยพกจนเยอะไปเลย เพียงแต่ว่าบางทีถ้าเผลอพกเดินผ่านเครื่องเอ็กซเรย์ของสนามบิน ก็ไม่ดังอีกต่างหาก..!

ตอนที่ตลกที่สุดก็คือสนามบินประเทศเนปาล ชื่อสนามบินถ้าจำไม่ผิดชื่อ "สนามบินตรีภูวัน" ไปทอดกฐินปลดหนี้ที่นั่น เดินผ่านเครื่องแล้วร้อง เจ้าหน้าที่ขอให้แสดงว่ามีอะไรที่เป็นโลหะบ้าง ? กระผม/อาตมภาพก็ล้วงเอาทั้งพระเครื่องเลี่ยมทอง ทั้งเลี่ยมเงิน ทั้งตะกรุด ออกมาเป็นถาดเลย..! เจ้าหน้าที่เขาถือเดินผ่านเครื่อง ๒ ครั้ง ๓ ครั้ง ถือไปทั้งถาดไม่ดัง..! แต่พอตัวกระผม/อาตมภาพเดินผ่านก็ดังอีก..!

ตอนแรกก็คิดว่าเป็นเพราะฟันที่ครอบโลหะไว้หรือเปล่า ? แต่ปรากฏเจ้าหน้าที่เขาคลำที่กระเป๋าอังสะ แล้วไปเจอยาอม ๒ เม็ด ที่พระครูวิโรจน์กาญจนเขต, ผศ., ดร. ตอนนั้นยังเป็นพระมหาจรูญโรจน์อยู่ ถวายไว้ให้อมแก้เจ็บคอ เพราะว่าเนปาลมีแต่ฝุ่นเยอะมาก พอเขาหยิบไป กรีดผ่านเครื่องตรวจ มีเสียงร้องดังลั่นเลย..!

กระผม/อาตมภาพก็ยังนั่งหัวเราะ ทั้งคณะพอรู้ก็นั่งหัวเราะ แต่ไอ้ที่หัวเราะไม่ออกก็คือทำไมเจ้าหน้าที่ไม่สงสัยเลยว่า "โลหะทั้งถาดที่ยกเข้ายกออกแล้วไม่ดังนั่นเป็นเพราะอะไร ?" ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่อัศจรรย์ แล้วก็ยิ่งอัศจรรย์ก็คือน่าจะมีการ "บัง" ไม่ให้เจ้าหน้าที่เขาสงสัยอีกด้วย ไม่อย่างนั้นคงต้องตอบปัญหากันยาวมาก

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันศุกร์ที่ ๘ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-11-2024 เมื่อ 02:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา